ฟุตบอลลีกยุโรปปิดฤดูกาลไปหมดแล้ว แต่ฤดูร้อนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่คอลูกหนังทั่วโลกได้สนุกสนานกันต่อ เพราะการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 จะระเบิดศึกขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป
ความจริงแล้วฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปควรจะจัดขึ้นในกลางปีที่แล้ว แต่เนื่องจากการระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการแข่งขันมาจัดในปีนี้ และรูปแบบการจัดก็เปลี่ยนไปจากเดิมอีกด้วย กล่าวคือการแข่งขันจะเริ่มในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ส่วนนัดชิงชนะเลิศคือวันที่ 11 ก.ค.
สำหรับทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายมี 24 ทีมด้วยกัน และมีจำนวนแมตช์ลงเตะคือ 51 นัด และจะใช้สนามเตะเวียนไปถึง 12 แห่งทั่วยุโรป
คาดว่าจะเป็นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่มีความแปลกใหม่ ท้าทายทั้งผู้เล่นและผู้ชมเป็นอย่างมาก
และแน่นอนว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ที่รวมซูเปอร์สตาร์ไว้อย่างมากมาย คราวนี้ลองมาดูสิว่านักเตะคนไหนที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นดาวเด่นในทัวร์นาเมนต์นี้กันบ้าง
1.คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)
ทีม “ตราไก่” เป็นรองแชมป์ในคราวที่แล้ว แต่ในฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกและเป็นการแจ้งเกิดของ “คิลิยัน เอ็มบัปเป้” และในวัย 22 หัวหอกจากทีมปารีส แซงต์แยร์กแมง กลายเป็นหัวใจสำคัญทีมชาติฝรั่งเศสในชุดนี้ ในการเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่รวม 42 นัด เอ็มบัปเป้ ยิงไปแล้ว 16 ประตู และการได้คาริม เบนเซมา ยืนเคียงข้าง ทำให้ดาวยิงจากเปแอสเชได้รับการคาดหมายว่ามีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร คาดว่าค่าตัวในขณะนี้ของเขาน่าจะอยู่ที่ 160 ล้านปอนด์
2.คริสเตียโน โรนัลโด้ (โปรตุเกส)
4 ปีก่อนโรนัลโด้พาทีมโปรตุเกสคว้าแชมป์มาครอง และศักยภาพของทีมโปรตุเกสในขณะนี้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะป้องกันแชมป์เอาไว้ได้อีกสมัย แดนหลังพวกเขามีรูเบน ดิอาส จากแมนฯซิตี้ มีแบ็กขวาจอมบุกอย่างเจา คันเซโล แถมแดนกลางมีทั้ง บรูโน เฟอร์นานเดส,แบร์นาโด ซิลวา รวมถึงดาวยิงจากลิเวอร์พูลอย่างดิโอโก โจตา และหัวใจสำคัญก็คือโรนัลโด้อยู่ดีนั่นเอง และใครจะรู้ว่านี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับชาติครั้งสุดท้ายของดาวยิงวัย 36 ก็ได้ เฟอร์นานโด ซานโต๊ส โค้ชทีมชาติโปรตุเกสกล่าวว่านี่คือทีมชุดที่แกร่งที่สุดในรอบหลายปีของทีม “ฝอยทอง” และโรนัลโด้ จะมีความกดดันน้อยลงเมื่อไม่ต้องแบกภาระอยู่ตามลำพัง นับว่าเป็นทีมที่เป็นกระดูกชิ้นโตของทุกทีม
3.ไค ฮาแวร์ตซ์ (เยอรมนี)
ทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นการคุมทีม “อินทรีเหล็ก” เป็นครั้งสุดท้ายของโยอาคิม เลิฟ และคงหวังว่าจะพาทีมประสบความสำเร็จให้มากที่สุด เยอรมนีอยู่ระหว่างการผลัดใบระหว่างนักเตะเก๋ากับนักเตะดาวรุ่ง การเรียกโธมัส มุลเลอร์ และ แม็ตส์ ฮุมเมล กลับคืนสู่ทีมชาติก็หวังว่าจะเป็นคนสนับสนุนนักเตะรุ่นน้อง และอาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ “ไค ฮาแวร์ตซ์” ได้เปล่งประกาย หลังจากลุ่มๆ ดอนๆ ในทีมเชลซี แต่หลังจากโธมัส ทูเคิล ให้ฮาแวร์ตซ์ มาเล่นในตำแหน่งกองหน้า “False 9” ความมั่นใจของเขาก็กลับมา และตอกย้ำด้วยการทำประตูชัยให้เชลซีคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกไปครอง ยูโร 2020 จึงอาจจะได้เห็นอะไรจากดาวยิงรายนี้ก็เป็นได้
4.โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์)
บุนเดสลีกาฤดูกาล 2020-21 เป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของหัวหอกวัย 32 ผู้นี้ และเลวานดอฟสกี้คือความหวังสูงสุดของโปแลนด์ แม้ว่าการอยู่ร่วมสายกับสโลวะเกีย,สเปน และ สวีเดน จะไม่ใช่งานง่ายๆ แต่เลวานดอฟสกี้ก็เป็นตัวอันตรายที่ใครก็ประมาทไม่ได้
5.ฟิล โฟเดน (อังกฤษ)
ในแผงห้องเครื่องของแมนฯซิตี้ถ้าไม่นับเควิน เดอบรอยน์แล้ว โฟเดนคือดาวรุ่งที่มาแรงมากที่สุด และในยูโร 2020 เขาคงจับตามองมากเป็นพิเศษ เพราะมีคุณสมบัติครบเครื่องทั้งการอ่านเกม การสอดหาโอกาสทำประตู และอาจเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จของ “สิงโตคำราม” ในทัวร์นาเมนต์นี้ก็เป็นได้
6.โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม)
“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เป็นอีกทีมที่มีศักยภาพพร้อมกับการลุ้นแชมป์ โดยเฉพาะในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้า “โรเมลู ลูกากู” เพิ่งพาทีมอินเตอร์ มิลานคว้าแชมป์กัลโช เซเรียอา และมีเควิน เดอบรอยน์ และ เอเดน อาซาร์ คอยปั้นเกมให้ ลูกากู จึงมีโอกาสลุ้นดาวซัลโวในยูโร 2020 ได้อีกคน