Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555 |

ตัดสินกันที่เกมสุดท้าย !!

1988/89
แชมป์ – อาร์เซน่อล (76คะแนน)
รองแชมป์ – ลิเวอร์พูล (76คะแนน)

แฟนหงส์แดงยุคนี้ น้ำตาร่วงกันเป็นแถบ ผ่านนัดที่ 37 หงส์แดงทำแต้มได้ 76แต้ม ปืนใหญ่ทำได้ 73แต้ม นัดสุดท้ายเล่นในบ้านหงส์ มีเงื่อนไขว่า หงส์แพ้ได้ แต่ต้องไม่เกิน 2ประตู เพราะถ้าแพ้ 2ประตู ลูกได้เสียจะเท่ากัน แล้วจะวัดที่ใครยิงได้มากกว่า นาทีที่ 52 อลัน สมิธ ทำประตูให้ปืนใหญ่ขึ้นนำ แล้วก็ยังบุกกดดันตลอด แต่หงส์ก็เอาอยู่ จนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ การบุกครั้งสุดท้าย ถ้าปืนใหญ่ทำไม่ได้ก็จบเห่ แต่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไมเคิล โธมัส กองกลางของปืนใหญ่ สอดขึ้นมายิงประตูที่ 2 ได้สำเร็จ ทั้งแฟนบอล ทั้งนักเตะ เงียบกริบ ช็อคทั้งสนาม ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้

1994/95
แชมป์ – แบล็คเบิร์น โรเวอร์ (89คะแนน)
รองแชมป์ – แมน ยูไนเต็ด (88คะแนน)

จบนัดที่ 37 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ มีคะแนนอยู่ที่ 89 คะแนน ส่วนผีแดงมี 87คะแนน
นัดสุดท้ายจึงเป็นการชี้ชะตาว่าใครจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้ แมนยู ได้เปรียบตรงที่นัดสุดท้าย จะเล่นกับเวสต์แฮม ส่วนแบล็คเบิร์น เจองานหนัก เพราะต้องลงแข่งกับทีมบิ๊กเนมอย่าง หงส์แดง แล้วก็เป็นไปตามคาด แบล็คเบิร์น พลาดท่าพ่ายให้กับลิเวอร์พูล ไป 2 ประตูต่อ 1 ถึงตรงนี้ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากสวดมนต์ภาวนาให้ผีแดง ไม่สามารถเอาชนะขุนฆ้อนได้ แล้วคำขอพรจากระเจ้าก็เป็นจริง เมื่อผีแดงทำได้แค่เสมอกับขุนฆ้อนไป 1 ประตูต่อ 1 ส่งผลให้กุหลาบไฟ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้ราวปาฏิหาริย์

1998/99
แชมป์ – แมน ยูไนเต็ด (79คะแนน)
รองแชมป์ – อาร์เซน่อล (78คะแนน)

ปีนี้ก็เป็นอีกปีนึงที่ต้องวัดแชมป์กันนัดสุดท้าย เมื่อผ่านไป 37เกม ผีแดงทำคะแนนได้ 76คะแนน ส่วนปืนใหญ่ตามมาที่ 75คะแนน โดยนัดสุดท้ายของทั้งสองทีมเล่นในบ้านตัวเองทั้งคู่ โดยผีแดงรับการมาเยือนของไก่เดือยทอง ส่วนอาร์เซน่อล ต้องเจอกับ แอสตัน วิลล่า แต่ปีนี้ ไม่มีดราม่าอะไรเกิดขึ้น เพราะทั้งสองทีมเก็บชัยชนะได้ทั้งคู่ (ผีแดงชนะสเปอร์ส 2-1 ปืนใหญ่ชนะวิลล่า 1-0) แชมป์จึงตกเป็นของปีศาจแดงไป และถือเป็นปีทองของผีแดง ที่สามารถคว้า ทริปเปิ้ล แชมป์ ได้อีกด้วย (พรีเมียร์ลีก,เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก)

2007/08
แชมป์ – แมน ยูไนเต็ด (87คะแนน)
รองแชมป์ – เชลซี (85คะแนน)

ต้องบอกว่า เชลซี สู้กับแมน ยูไนเต็ด ที่เป็นแชมป์เก่าได้อย่างสูสีมาก เมื่อครบ37นัด ทำคะแนนเท่ากันที่ 84คะแนน ต้องตัดสินกันนัดสุดท้าย เชลซีเปิดบ้านรับการมาเยือนของโบลตัน วันเดอเรอร์ ส่วนผีแดงต้องออกไปเยือน วีแกน แอทเลติก น่าเสียดายที่เชลซีทำได้แค่เสมอกับโบลตันไป 1-1 ส่วนผีแดงออกไปเก็บชัยชนะได้ 2ประตูต่อ 0 จึงคว้าแชมป์ไปครองได้อีกสมัยหนึ่ง และเป็นการป้องกันแชมป์ได้อีกด้วย เมื่อจบการแข่งขัน โฆเซ่ มูรินโญ่ ก็ต้องจบเส้นทางการคุมทีมของเขากับเชลซีลง และไปรับงานใหม่ที่อิตาลีกับทีม อินเตอร์ มิลาน

2009/10
แชมป์ – เชลซี (86คะแนน)
รองแชมป์ – แมน ยูไนเต็ด (85คะแนน)

หลังจากปล่อยให้ปิศาจแดงทำแฮทริก คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สามสมัยซ้อน (2006,2007,2008) ปีนี้เชลซีขอกลับมาทวงความเป็นเจ้ายุทธจักรคืน โดยการนำทัพของ ยอดกุนซืออย่าง คาร์โล อัลเชล็อตติ ทำผลงานเบียดกันจนไปถึงนัดสุดท้าย โดยนัดที่ 37 เชลซีมีคะแนนมากกว่าอยู่ 1คะแนน ดังนั้นเกมสุดท้ายพลาดไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่ เกมที่ 38 ทั้งคู่เป็นเจ้าบ้าน เชลซี พบ วีแกน ส่วนแมน ยูไนเต็ด รับการมาเยือนของ สโต๊ก ทั้งสองทีมทำได้ตามเป้าของตัวเอง ถึงแม้ผีแดงจะยำใหญ่ใส่สโต๊คถึง 4-0 แต่เชลซีก็ไม่น้อยหน้า อัดวีแกน เละเทะถึง 8ประตูต่อ0 คว้าแชมป์ไปครองอย่างฉิวเฉียด

2011/12
แชมป์ – แมน ซิตี้ (89คะแนน)
รองแชมป์ – แมน ยูไนเต็ด (89คะแนน)

ไม่มีปีไหนจะดราม่าเกินปีนี้อีกแล้ว เมื่อนัดสุดท้าย แข่งจบไม่พร้อมกัน แมน ยูไนเต็ด ออกไปเยือนซันเดอร์แลนด์ แล้วจัดการเอาชนะได้เรียบร้อยด้วยสกอร์ 1-0 แต่นักเตะทุกคนยังไม่ออกจากสนาม เพราะกำลังลุ้นผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่ง ซึ่งยังแข่งขันกันอยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คือ ทีม “เพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งออกไปเยือน ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ ระหว่างที่ทดเวลาบาดเจ็บเข้าช่วง 20วินาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 2-2 ถ้าจบแบบนี้ ผีแดงเฮกันลั่นแน่ๆ ทันใดนั้นเอง การบุกครั้งสุดท้าย และท้ายสุด เมื่อ กุน อเกวโร่ แตะบอลหลบกองหลัง แล้วกดเต็มข้อ บอลเสียบเข้าประตูไป พลิกสถานการณ์ ให้เรือใบกลับมาชนะ 3ประตูต่อ 2 ฝั่งเรือใบสีฟ้าวิ่งดีใจกันแบบสุดๆ ทั้งนักเตะทั้งทีมงาน ภาพตัดกลับไปอีกสนาม นักเตะของปิศาจแดง ยืนตะลึง และค่อยๆ ก้มหน้าเดินออกจากสนาม ยอมรับชะตากรรมที่ต้องยกแชมป์ให้กับเพื่อนบ้านไปอย่างน่าเจ็บใจ

2018/19
แชมป์ – แมน ซิตี้ (98คะแนน)
รองแชมป์ – ลิเวอร์พูล (97คะแนน)

ปีแห่งปฐมบทของความแข็งแกร่ง ของโคตรทีมหงส์แดงในปีนี้ ถูกปูรากฐานมาจากปีที่แล้ว ด้วยการทำทีมของยอดกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทั้งฤดูกาลแพ้เพียงนัดเดียวให้กับแมน ซิตี้ และเป็นทีมที่แพ้น้อยที่สุด (เรือใบแพ้ 4เกม) หลังจากแพ้นัดนั้น เครื่องจักรสีแดง ก็ไม่ปราชัยให้กับใครอีกเลยในลีกมาจนถึงบัดนี้ และสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน (1กพ2020) ฤดูกาล 2019/2020 กล้าพูดได้เลยว่าการลุ้นแชมป์ได้จบสิ้นลงแล้ว ไม่ต้องมารอนัดสุดท้าย อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง