สำหรับในช่วงเช้าของวันที่ 29 พฤษภาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย “ ราชันชุดขาว ” เรอัล มาดริด ยอดทีมมหาเศรษฐีแห่งแดนกระทิง พวกเขาก็ได้ออกมาประกาศ และแถลงให้เหล่าบรรดาสาว “ โลส บลังโกส ” ได้ทราบอย่างเป็นทางการว่า ดาวิด อลาบา นักเตะสารพัดประโยชน์ทีมชาติออสเตรเลีย ได้เซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด เป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากที่พวกเขามีข่าวกันมานานร่วมปี เกี่ยวกับการย้ายทีมของ อลาบา ที่ต้องการอำลา “ เสือใต้ ”
อลาบา ในวัย 28 ปี ได้มีข่าวกับ เรอัล มาดริด มาโดยตลอด ซึ่ง อลาบา เป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ในฤดูกาลนี้ และแน่นอนว่า ยอดทีมในเวทียุโรป ต่างก็ต้องการตัว อลาบา เข้าไปร่วมทัพ แต่อย่าลืมว่า อลาบา อยู่ในขั้นของนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย และเจ้าตัวอยู่ในคลาสบอลที่สูง และด้วยที่ อลาบา เป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ บวกกับฝีเท้าพี่ยังคงโดดเด่นในวงการลูกหนัง เจ้าตัวจึงเป็นฝ่ายที่มีสิทธิ์เลือกมากกว่า ที่จะให้เหล่าบรรดาสโมสรต่าง ๆ เข้ามาควบคุมอนาคต
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่ อลาบา จะเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด ก็คงจะมีแต่ยอดทีมเก่าแก่ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง “ หงส์แดง ” ลิเวอร์พูล ที่พวกเขาได้ยื่นเงื่อนไข เพื่อให้ อลาบา ย้ายเข้ามาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ แต่ดูเหมือนว่าข้อแม้ของ อลาบา จะมีแค่อย่างเดียว นั่นก็คือเรื่องของค่าเหนื่อย ที่เจ้าตัวต้องการอย่างน้อย 12 ล้านยูโรต่อปี ซึ่ง ลิเวอร์พูล ก็คงให้ไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยสาเหตุนี้ ก็คงจะมีแค่ เรอัล มาดริด ที่มีเงินถุงเงินถัง ที่พร้อมที่จะจ่ายค่าเหนื่อยให้กับ อลาบา และสุดท้ายพวกเขาก็ได้ลงเอยกัน โดยที่ อลาบา ได้เซ็นสัญญา 5 ปี ร่วมทัพกับ เรอัล มาดริด ซึ่งสัญญาของ อลาบา จะหมดลงในเดือน มิถุนายน 2026 และ อลาบา ก็ได้รับค่าแรง 12 ล้านยูโรต่อซีซั่น ตามที่ต้องการ
สำหรับผลงานของ อลาบา ที่เจ้าตัวอยู่กับ “ เสือใต้ ” บาเยิร์น มิวนิค ( อลาบา ) คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 10 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย และ เดเอฟเบ โพคาล อีก 6 สมัย ซึ่ง อลาบา ลงสนามให้กับ “ เสือใต้ ” 431 เกม สามารถทำได้ 33 ประตู กับอีก 55 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ อลาบา ในเครื่องแบบของ “ เสือใต้ ” บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงที่เจ้าตัวเล่นอยู่ในลีกเมืองเบียร์
หลังจากที่ อลาบา ได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับ เรอัล มาดริด เหล่าบรรดาสาวก “ โลส บลังโกส ” คงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่อไปว่า ด้วยความอเนกประสงค์ของ อลาบา และฝีเท้าที่สามารถเล่นเชิงรับได้ดี อลาบา จะได้ยืนในตำแหน่งแบ็คซ้าย ทดแทน มาร์เซโล หรือว่า ยืนตำแหน่งห้องเครื่องตัวรับคู่กับ คาเซมิโร แต่แน่นอนว่า สิ่งที่แฟนบอล “ ราชันชุดขาว ” รู้ดี นั่นก็คือ อลาบา เป็นผู้เล่นที่เล่นเชิงรับได้อย่างเหนียวแน่น และจุดเด่นของ อลาบา คือการออกบอลจากแดนหลังขึ้นสู่แดนหน้า เพื่อสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ดีเสมอ