Manchester United เคยเป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของ Sir Alex Ferguson ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ Premier League ได้ถึง 13 สมัย แชมป์ UEFA Champions League 2 สมัย แชมป์ FA Cup 5 สมัย แต่หลังจากกุนซือชาวสกอตอำลาทีมไปเมื่อกลางปี 2013 ความถดถอยก็มาเยือน
และในขณะนี้ฟอร์มการเล่นของ “ผีแดง” ตกต่ำอย่างหนัก ไม่ได้สัมผัสแชมป์รายการใดเลยมานานแล้ว และฤดูกาลนี้ก็สุ่มเสี่ยงกับการไม่ติดท็อปโฟร์จนอาจจะไม่ได้ไปเตะ Champions League ฤดูกาลนี้อีก
นอกจากผลงานทำทีมของผู้จัดการทีมมากหน้าหลายตาที่น่าผิดหวัง ฟอร์มการเล่นของซูเปอร์สตาร์ที่ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่หวังแล้ว การดำเนินธุรกิจก็ยังเป็นปัญหาอีกด้วย
ในยุคที่ตระกูล Glazer เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรนั้น ได้แต่งตั้ง Ed Woodward เข้ามาเป็นประธานฝ่ายบริหารของสโมสรหลังยุคของ Sir Alex Ferguson และมีบทบาทอย่างมากในการสรรหาผู้จัดการทีมคนใหม่ก่อนจะปลดออก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้จัดการทีมคนดังทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น David Moyes, Louis van Gaal, Jose Mourinho และ Ole Gunnar Solskjaer
ในส่วนของนักเตะที่ซื้อเข้ามาก็เช่นกัน แม้จะมีบ้างที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ซื้อแล้วล้มเหลวก็มีเยอะ
และถ้าเทียบการซื้อมาและขายไปก็ถือว่าขาดทุนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
Football Observatory ได้ทำการสำรวจสโมสรใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปในช่วงสิบปีที่ผ่านมาและพบว่า Manchester United คือสโมสรที่ขาดทุนในการซื้อนักเตะมาร่วมทีมมากที่สุด
กล่าวคือมีเม็ดเงินจ่ายในการซื้อนักเตะเข้ามามาก แต่ขายออกไปได้ในราคาน้อย
เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา “ผีแดง” ใช้เงินในการซื้อนักเตะไปทั้งหมดเป็นเงินจำนวนถึง 1.3 พันล้านปอนด์ และขายนักเตะออกไปได้เงินมาเพียง 397 ล้านปอนด์ เท่ากับว่าขาดทุนในการลงทุนกับขุมกำลังของทีมเป็นจำนวนเงินถึง 908 ล้านปอนด์ มากเป็นอันดับ 1
การลงทุนราคาแพงของ “ผีแดง” ในยุคของซีอีโอที่ชื่อ Ed Woodward นั้นก็คือ Paul Pogba 89 ล้านปอนด์), Harry Maguire (80 ล้านปอนด์), Jadon Sancho (77 ล้านปอนด์) และ Lukaku (75 ล้านปอนด์) ซึ่งดูเหมือนจะยังไม่มีคุ้มค่ากับการลงทุนเลยนับจนถึงขณะนี้
ในขณะที่ Manchester City และ Chelsea ลงทุนในฤดูกาลนี้หนักหน่อย โดย “เรือใบสีฟ้า” จ่าย 100 ล้านปอนด์ซื้อ Jack Grealish มาจาก Aston Villa ส่วน “สิงโตน้ำเงินคราม” จ่าย 97.5 ล้านปอนด์ ซื้อตัว Romelu Lukaku มาจาก Inter Milan ซึ่งผลงานก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจทั้งคู่ หากแต่ทั้งสองสโมสรก็ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์รายการใหญ่อยู่ และช่วงสิบปีที่ผ่านมาก็ถือว่ามีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า
ช่วงสิบปีที่ผ่านมา Manchester City อาจจะขาดทุนในการซื้อนักเตะมาร่วมทีมเป็นจำนวน 831 ล้านปอนด์ หากแต่ผลงานที่ออกมาก็คือแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย แชมป์ลีก คัพ 6 สมัย และแชมป์เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย
สิ่งที่แตกต่างของทั้งสองสโมสรก็คือนักเตะที่ซื้อมาแพงและใช้งานได้ไม่คุ้มค่าของ “ผีแดง” เห็นได้ชัดมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น Angel Di Maria ปีกทีมชาติอาร์เจนตินาซึ่งซื้อตัวเข้ามาอยู่กับทีมด้วยเงินจำนวนถึง 60 ล้านปอนด์ แต่ยิงได้ 4 ประตูเท่านั้นจากการลงเล่น 32 เกม จนต้องขายให้กับทีม Paris Saint-Germain ด้วยราคาขาดทุน
ส่วนนักเตะอังกฤษที่ซื้อเข้ามาก็ถูกวิจารณ์ว่าค่าตัวสูงเกินจริงทั้งนั้น Maguire ย้ายมาจาก Leicester ด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านปอนด์ และจ่าย 50 ล้านปอนดให้กับ Crystal Palace คว้าตัว Aaron Wan-Bissaka
ใน 20 สโมสรที่ลงทุนกับนักเตะมากที่สุดและมีผลขาดทุนนั้นเป็นสโมสรใน Premier League ถึง 14 สโมสร
สำหรับสโมสรที่ติดอันดับท็อปไฟว์ของการขาดทุนในการซื้อนักเตะก็คือ Paris Saint-Germain 794 ล้านปอนด์, Barcelona 549 ล้านปอนด์ และ Arsenal 492 ล้านปอนด์
โดย 10 สโมสรที่ขาดทุนจากการซื้อขายนักเตะมากที่สุดจากการสำรวจของ Football Observatory มีดังนี้
1.Manchester United – 908 ล้านปอนด์
2.Manchester City – 831 ล้านปอนด์
3.Paris Saint-Germain – 794 ล้านปอนด์
4.Barcelona – 549 ล้านปอนด์
5.Arsenal – 492 ล้านปอนด์
6.Juventus – 473 ล้านปอนด์
7.AC Milan – 364 ล้านปอนด์
8.Everton – 362 ล้านปอนด์
9.Aston Villa – 358 ล้านปอนด์
10.Chelsea – 348 ล้านปอนด์