การโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดของ ซอน เฮือง มิน ทำให้เราอดนึกถึงดาวเตะเชื้อสายเอเชียที่เข้ามาท้าทายตัวเองในเวทียุโรปนั้นมีมากมายหลายรายชื่อ ฮิเดโตชิ นากาตะ, ชา บุม กุน , ชุนสึเกะ นากามูระ , ชินจิ คากาวะ ในแง่ของความสำเร็จนั้น ยากจะหาใครมาเทียบกับดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ผู้นี้ “พาร์ค จี ซอง”
พาร์คลืมตาดูโลกในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1981 ที่กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ที่สมัยตัวเองยังเป็นเด็ก และด้วยฟอร์มการเล่นที่เล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับมัธยม พาร์คใช้โควตานักกีฬาเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยมิยงจิ ซึ่งในการเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยนั้น พาร์คได้โอกาสครั้งสำคัญคือการเข้าไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมชาติเกาหลีใต้ชุดปรีโอลิมปิคและสามารถโชว์ฟอร์มได้ดี ทำให้เขามีโอกาสติด 23 คนสุดท้ายไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิคปี 1997 ที่ประเทศออสเตรเลีย
จากการเล่นทีมชาติได้ดี ทำให้ เกียวโต ซังกะ ยื่นสัญญาอาชีพฉบับแรกให้เขาในวัย 19 ปี ก่อนจะพา เกียวโต ซังกะ เลื่อนชั้นขึ้นมายัง เจวันลีก และพาทีมคว้าแชมป์ เอ็มเพอเรอร์คัพ(บอลถ้วยของญี่ปุ่น)ได้สำเร็จ โดยผลงานของเขาในสีเสื้อของโตเกียวตลอดสองปีนั้น ลงสนามให้ทีมทั้งสิ้น 67 นัด ยิงได้ 13 ประตู
เกมประเดิมทีมชาติเกมแรกของเขาคือ วันที่ 5 เมษายน ปี 2000 ลงสนามพบกับทีมชาติลาว ในศึกเอเชี่ยนคัพรอบคัดเลือก เนื่องจากฟอร์มการเล่นที่ดีกับสโมสร เจ้าตัวมีชื่อติด 23 คนสุดท้ายลุยศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วมกัน แม้ในคราวนั้น โสมขาว จะถูกค่อนขอดถึงมาตรฐานการตัดสินของผู้ตัดสินในทัวร์นาเมนต์ แต่ทว่าผลงานส่วนตัวของพาร์คภายใต้การคุมทีมของ กุดส์ ฮิสดิง นั้นแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่น ทุ่มเทและพร้อมจะวิ่งสู้ฟัดกับทุกคนที่ขวางหน้า
ทำให้ฤดูกาล 2002/03 พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ทีมดังจากลีกฮอลแลนด์คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยสนนราคา 5 ล้านยูโร(ประมาณ) โดยเขาตามกุนซืออย่าง กุส ฮิสดิงก์ ที่ลงจากเก้าอี้กุนซือโสมขาวหลังจบศึกฟุตบอลโลก พาร์คโชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม เข้าไปนั่งในใจแฟนบอลพีเอสวีได้อย่างไม่ยากเย็น เขาลงสนามให้กับทีมทั้งสิ้น 119 นัด ยิงได้ 19 ประตูกับอีก 16 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เอริดิวิซี่ลีก 2 สมัย (2002/03 และ 2004/05) ดัตช์คัพ 1 สมัย(2004/05)
จากการเล่นได้ดีกับพีเอสวี โอกาสครั้งสำคัญในชีวิตพาร์คก็เข้ามาทักทายอีกครั้ง พีเอสวีได้รับข้อเสนอมูลค่า 7 ล้านยูโร(ประมาณ) จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งในดีลนี้หลายคนคิดว่าน่าจะเป็นดีลที่หวังผลในเรื่องของธุรกิจการตลาด แต่พาร์คก็พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือ “ของจริง” ตลอดการค้าแข้ง 6 ฤดูกาลในเครื่องแบบปีศาจแดง พาร์คลงสนามรวมทุกรายการทั้งหมด 204 นัด ยิงได้ 28 ประตูกับอีก 29 แอสซิสต์ พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 4 สมัย(2007-2009 และ 2011) ลีกคัพ 3 สมัย(2006,2009,2010) คอมมูลนิตี้ชิลด์ 2 สมัย(2011-2012) สโมสรโลก 1 สมัย(2009) และเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่ได้แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ (2007/08) ในด้านรางวัลส่วนตัวนั้นเจ้าตัวได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเกาหลีใต้ 1 ครั้ง(2010) ก่อนจะย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆกับ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ และยืมตัวช่วงสั้นๆกับพีเอสวี ก่อนจะมาแขวนสตั๊ดกับทีมทหารเสือราชินีในท้ายที่สุด