เอดิสัน คาวานี กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย อาจกลายเป็นดาวยิงความหวังใหม่ ให้ “ทัพปีศาจแดง” กลับมาสู่ฟอร์มอันแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แมนฯยู คว้าตัวเอดิสัน คาวานี กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยจากทีมปารีส แซงต์แยร์กแมง โดยเป็นการย้ายทีมมาแบบไม่มีค่าตัว เพื่อมาเป็นกองหน้าตัวอะไหล่ กรณีที่อองโธนี่ มาร์กซิยาล บาดเจ็บ ฟอร์มตก หรือมาร์คัส แรชฟอร์ด ถอยไปเล่นในตำแหน่งตัวทำเกมทางริมเส้นด้านซ้าย และพังประตูแรกได้ในเกมที่ “ผีแดง” บุกเอาไปชนะเอฟเวอร์ตัน ถึงกูดิสัน ปาร์ก 3-1 ประตู
และในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ เซาแธม์ตันเปิดเซนต์ แมรี่ สเตเดี้ยมรับการมาเยือนของแมนฯยู คาวานี ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง ในขณะที่ครึ่งแรกเจ้าบ้านยิงนำไปก่อน 2-0 ประตู แต่เมื่อคาวานีถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่น ไม่เพียงแต่จะเปิดบอลให้บรูโน เฟอร์นันเดสยิงตีไข่แตกเท่านั้น แต่ยังทำเองอีกสองประตู และลูกโหม่งที่ทำประตูชัยให้ “ผีแดง” แซงเอาชนะ 3-2 ประตูเกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 อีกด้วย
สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก.ย.ปี 2012 โรบิน ฟาน เพอร์ซี ทำแฮตทริกให้แมนฯยูในนัดนั้น และประตูสุดท้ายก็ทำได้ในช่วงทดเจ็บด้วยเช่นกัน และส่งให้ฤดูกาลนั้น “ผีแดง” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้ ในที่สุด
กองหน้าชาวดัตช์ในทวีตข้อความชื่นชมฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ “เอล มาทาดอร์” ที่ช่วยทีมพลิกสถานการณ์ได้อย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ ช่วยให้แมนฯยูกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
คาวานีมีสถิติทำไป 3 ประตูในการลงเล่นในเกมลีก 5 แมตช์ และทำให้มีแฟนบอล “เรด อาร์มี” จำนวนมาก แสดงความเห็นว่า หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยไม่ควรจะเป็นตัวสำรองอีกต่อไปแล้ว และเชื่อว่าคาวานี คือหัวหอกตัวเป้าที่มีคุณภาพในระดับใกล้เคียงกันกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี
หัวหอกวัย 33 ถือว่าเป็นยอดดาวยิงมาโดยตลอด ในสมัยที่เล่นอยู่ในกัลโช่ ซีเรียอา กับนาโปลี เขาลงเล่นไปแล้ว 138 นัดยิงไป 104 ประตู และเมื่อย้ายไปเล่นในลีกเอิงของฝรั่งเศสกับทีมปารีส แซงต์แยร์กแมงลงเล่นไป 301 นัด ซัดไปได้ทั้งหมด 200 ประตูกับอีก 43 แอสซิสต์
สำหรับในทีม “ผีแดง” แม้เพิ่งเริ่มต้นนับหนึ่ง แต่ก็ได้สร้างสถิติที่น่าสนใจไว้เช่นกัน ดังนี้
คาวานี เป็นผู้เล่นคนแรกของแมนฯยูในรอบสองปี ที่ลงเล่นในฐานะตัวสำรองและทำได้สองประตู คนสุดท้ายที่ทำได้ก็คือเจสซี ลินการ์ด ซึ่งเคยทำไว้เมื่อปี 2017
ใน 3 ประตูที่แซงเอาชนะเซาแธมป์ตันได้นั้น คาวานี่ทำสองประตูและจ่ายอีกหนึ่ง ถือว่ามีส่วนต่อสามประตูที่ทีมทำได้ที่เซนต์ แมรี่ สเตเดี้ยม โดย “ซูเปอร์ซับ” ที่เคยทำได้ในลักษณะคล้ายกันก็คือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เคยเปลี่ยนตัวลงไปและเหมาทำคนเดียว 4 ตุงในเกมเจอกับนอตติงแฮม ฟอเรสต์ เมื่อปี 1999
อย่างไรก็ตาม คาวานีอาจต้องเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับที่หลุยส์ ซัวเรซ อดีตเพื่อนร่วมชาติเคยเจอ เพราะหลังเกม เพราะดาวเตะอุรุกวัยได้แคปภาพที่ดูเหมือนว่าเป็นเพื่อนได้โพสต์แสดงความยินดีลงในไอจีของคาวานี ที่มีชื่อว่า cavaniofficial21 พร้อมตอบกลับด้วยคำว่าภาษาสเปนว่า “กราเซียส เนกริโต” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “ขอบคุณเจ้ามืด”
ต่อมา ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป และชี้แจงว่าคำดังกล่าวเป็นการหยอกล้อกับเพื่อนเท่านั้น
ทางด้านสมาคมฟุตบอลอังกฤษ กำลังพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ นอกจากนั้นยังมีคนนำเหตุการณ์นี้ไปเทียบกับเหตุการณ์ของ หลุยซ์ ซัวเรซ อดีตกองหน้าลิเวอร์พูล ที่ไปเหยียดผิวใส่ ปาทริช เอฟรา กองหลังแมนฯยูเมื่อปี 2011 ก่อนโดนลงโทษด้วยการแบน 8 นัด
ทางเอฟเอได้มีการเข้มงวด ไม่ให้นักฟุตบอลแสดงความคิดเห็นในโซเชียล มีเดีย ด้วยถ้อยความที่ไม่เหมาะสม หลังจากเคยเกิดกรณีอื้อฉาวกับ แบร์นาร์โด ซิลวาของแมนฯซิตี้ และ เดเล อัลลี่ของสเปอร์
ซึ่งเอฟเอ ได้แจ้งกฎดังกล่าวไปยังพรีเมียร์ลีกด้วย โดยระบุว่าหากนักเตะคนใดกระทำผิดในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารใดๆ จะต้องโดนแบนอย่างน้อย 3 นัด
วิบากกรรมของกองหน้าอุรุกวัยยังไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เพราะมีแฟนบอลรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่าคาวานีลงเล่นให้ทีมไม่กี่สัปดาห์แต่สามารถทำประตูได้มากกว่า เอเมริก โอบาเมยอง กองหน้าของอาร์เซนอลที่ลงเล่นมาแล้วในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาล โดยโอบาเมยอง ทำได้เพียง 2 ประตูเท่านั้น และหนึ่งประตูที่ทำได้มาจากการยิงจุดโทษ และทำให้แฟนบอล “ปืนโต” โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับความเห็นดังกล่าว
เอดิสัน คาวานี ได้รับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐจากผลงานยิงประตูในช่วงข้ามคืนอย่างแท้จริง
สุดท้ายก็ต้องรอดูกันว่านับจากนี้ คาวานี่ จะเป็นตัวเลือกใน 11 ตัวจริงของโชลชารึเปล่า และจะโดนโทษแบน จากการพิมตอบข้อความเพื่อนว่าไอ้มืดหรือไม่ ?