ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดที่ 4 กลุ่ม D เรอัล มาดริด เปิดบ้าน ซานดิอาโก เบอร์นาบิว ต้อนรับ ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค และพวกเขาก็สามารถเอาชนะทีมเยือนได้ 2 – 1 ซึ่งเป็นผลงานจาก คาริม เบนเซมา หัวหอกในวัย 33 ปี นักเตะชาวฝรั่งเศส ที่ยังคงถลุงประตูช่วยทีมอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่า หลังจากที่จบเกมการแข่งขันในนัดนี้ เปเรซ ประธานสูงสุดของ เรอัล มาดริด ก็เตรียมเสื้อเกียรติยศถึง 2 ตัว เพื่อที่จะมอบให้กับนักเตะ มาดริด ที่ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับสโมสรในนัดนี้
เสื้อตัวแรกซึ่งมีหมายเลข 300 ก็ได้มอบให้กับ คาเซมิโร ห้องเครื่องเชิงรับชาวบราซิล ของทีม ที่นับตั้งแต่ย้ายเข้าสู่ เรอัล มาดริด ในปี 2021 จนถึงปัจจุบันนี้ร่วม 10 ปี ลงสนามรับใช้ “ราชันชุดขาว” ทั้งหมด 300 นัด ซึ่งนับถึงเกมที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค และตลอดระยะเวลาร่วม 10 ปี ที่ผ่านมา คาเซมิโร ก็เป็นกำลังหลักให้กับ เรอัล มาดริด ถึง 9 ปี ซึ่งเริ่มจากปี 2013 ที่ คาเซมิโร ยึดตำแหน่งตัวจริงใน ซานดิอาโ กเบอร์นาบิว มาตลอด
และนักเตะคนที่ 2 ที่ได้รับมอบเสื้อจาก เปเรซ ก็คือ เบนเซมา หัวหอกจอมเก๋าของทีม ซึ่งเสื้อตัวที่ เปเรซ จะมอบให้กับ เบนเซมา ไม่ใช่เพียงแค่เสื้อที่ เบนเซมา ยิง 2 ประตูกับเกมในนัดนี้เท่านั้น
แต่สำหรับลูกที่ เบนเซมา ยิงเข้าไปลูกแรกในนาทีที่ 14 คือประตูของสโมสร เรอัล มาดริด ที่ยิงประตูครบ 1,000 ลูก ในเกมยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่เยอะที่สุดกับเหล่าบรรดายอดทีมในโซนยุโรป ที่สามารถยิงประตูได้ นั่นจึงทำให้ เรอัล มาดริด เป็นทีมแรกที่ยิงประตูครบ 1,000 ลูก กับเกมที่ชนะ ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค
และลูกที่ 2 ของ เบนเซมา ที่ยิงในนาทีที่ 61 ก็เป็นประตูที่ 1,001 ของ เรอัล มาดริด และแน่นอนว่าเสื้อเบอร์หมายเลข 1,000 ที่ เปเรส มอบให้ เบนเซมา คือหมายเลขประตูของ เรอัล มาดริด ที่พวกเขาทำสถิติสูงสุดกับถ้วยในยุโรป ที่ยิงประตูครบ 1,000 ลูกเป็นทีมแรก และเจ้าของเสื้อเกียรติยศเบอร์ 1,000 ก็เป็นของ คาริม เบนเซมา กองหน้าในวัย 33 ปีของทีม ที่ในปัจจุบันนี้เจ้าตัวยังเป็นเครื่องจักรสังหารคอยส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายคู่แข่ง ให้กับ เรอัล มาดริด
และแน่นอนว่า การมอบเสื้อเกียรติยศ ซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมของสโมสร เรอัล มาดริด ก็ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เพราะสถิติของสโมสรและเหล่าบรรดาซุปเปอร์สตาร์นักเตะ “โลส บลัโกส” ต่างก็ช่วยกันทยอยสร้างสถิติใหม่ให้กับ เรอัล มาดริด และเชื่อได้เลยว่าสถิติใหม่ของ “ราชันชุดขาว” จะมีออกมาอีกเรื่อย ๆ แน่นอน