ด้วยรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างของคนบราซิล แน่นอนว่า กาก้า ได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลกในช่วงที่ยังเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และไม่ใช่หน้าตาที่หล่อเหลาอย่างเดียวเท่านั้น เรื่องของฝีเท้า กาก้า ก็คือหนึ่งในตำนานเพลย์เมกเกอร์ที่เป็นตำนานของวงการลูกหนังยุโรป
แต่ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของ กาก้า บนผืนหญ้าไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นในสโมสรบ้านเกิด เซาเปาโล กับการเซ็นสัญญานักเตะอาชีพในปี 2001 จนกระทั่งในปี 2003 ย้ายเข้าสู่ “ยักษ์ใหญ่แดงดำ” เอซี มิลาน และแน่นอนว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานเพลย์เมกเกอร์ ที่สร้างใหม่กับลีกมักกะโรนี ที่เป็นนักเตะ samba ที่ในช่วงนั้นถือว่าเป็นกระแสฟีเวอร์เป็นอย่างมาก
หากจะพูดถึงในยุคที่ กาก้า ยังเป็นนักเตะให้กับ เอซี มิลาน ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในช่วงปี 2003 ถึงปี 2009 ต้องยอมรับเลยว่าเป็นการปักหลักตำแหน่งและโชว์ผลงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าหากเป็น “ผีแดง” ก็คงจะมี พอล สโคลส์ หรือ ลิเวอร์พูล ก็คงจะมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด และแน่นอนว่า เอซี มิลาน ก็คือ ริคาร์โด้ กาก้า
ริคาร์โด้ กาก้า กับท่าดีใจชี้นิ้วขึ้นฟ้า “Belong to jesus” (ผมเป็นของพระเยซู)
ตลอดอาชีพการค้าแข้งของ ริคาร์โด้ กาก้า นับตั้งแต่ปี 2001 ที่ก้าวเข้าสู่ลีกอาชีพกับ เซาเปาโล ก่อนที่จะย้ายไปเป็นตำนานให้กับ เอซี มิลาน และย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ในปี 2009 ถึงปี 2013 ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับ เอซี มิลาน ในปีต่อมาและตัดสินใจไปจบอาชีพค้าแข้งในปี 2014 ถึงปี 2017 ที่ ออแลนโดซิตี้ ทีมใน เมเจอร์ลีกแห่งแดนลุงแซม และแน่นอนว่ามากกว่า 150 ประตู นับตั้งแต่ที่ กาก้า ยิงประตูนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่แวดวงลูกหนังตั้งแต่อายุ 18 ปี ทุกครั้งที่ ริคาร์โด้ กาก้า ทำประตูได้ จะเห็นท่าดีใจท่าเดียวคือ “ชี้นิ้วมือทั้งสองข้างขึ้นไปที่ท้องฟ้า” และแน่นอนว่าทุกอย่างจะต้องมีเรื่องราว
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ ริคาร์โด้ กาก้า อายุ 18 ปี และเจ้าตัวได้รับอุบัติเหตุจากการเล่นสไลเดอร์สระว่ายน้ำและศีรษะได้กระแทกขอบสระอย่างแรง ส่งผลให้กระดูกสันหลังร้าว และเจ้าตัวถูกแพทย์วินิจฉัยว่า มีโอกาสที่จะเป็นอัมพาตตลอดชีวิตสูง
แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ กาก้า ก็หายเป็นปกติ และเจ้าตัวก็กลับมาเล่นฟุตบอลเหมือนเดิม และได้เซ็นสัญญากับสโมสร เซาเปาโล ในปี 2001 นั่นจึงเป็นที่ไปที่มากับท่าดีใจที่ชี้นิ้วขึ้นสู่ท้องฟ้ากับมือทั้งสองข้างของ กาก้า ที่ขอบคุณพระเจ้า นั้นก็คือพระเยซู ซึ่งเขามีความเชื่อว่า จากเหตุการณ์ที่เขาหายดีคือปาฏิหาริย์ที่พระเยซูมอบให้