นิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล จัดงานมอบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีหรือ บัลลงดอร์ 2021 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฎว่า Lionel Messi กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินาวัย 34 คว้ารางวัลไปครองอีกครั้ง
ดาวเตะของปารีส แซงต์แยร์กแมง คว้ารางวัลนี้ไปครองจากผลงานที่ช่วยให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2021 ไป เป็นการคว้าแชมป์ให้อาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกของเมสซีด้วย
ที่สำคัญก็คือ Messi คว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปครองเป็นสมัยที่ 7 เข้าไปแล้ว ซึ่งเป็นนักเตะที่สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัลนี้ไปครองมากที่สุด โดยอันดับสองก็คือ Cristiano Ronaldo ที่ได้ไปแล้ว 5 สมัย
โดยก่อนที่การประกาศผลจะมีขึ้น Ronaldo เคยให้สัมภาษณ์ว่าก่อนแขวนสตั๊ดจะต้องคว้าบัลลงดอร์แซงหน้า Messi ให้ได้ แต่ถึงตอนนี้โอกาสทำอย่างนั้นคงน่าจะริบหรี่เต็มที
โอกาสที่ใครจะทำสถิติแซงหน้าดาวเตะอาร์เจนไตน์อาจจะเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฟุตบอลสมัยใหม่มักจะเน้นระบบการเล่นที่เป็นทีม มากกว่าพึ่งพาความเป็นซูเปอร์สตาร์เหมือนในยุคก่อนๆ
ความจริงแล้วในช่วงสองปีที่ผ่านมา Lionel Messi ไม่ได้อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมนัก และหากปีที่แล้วมีการประกาศรางวัลบัลลงดอร์ปี 2020 คนที่น่าจะได้ก็น่าจะเป็น Robert Lewandowski กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ของบาเยิร์น มิวนิก มากกว่า แตเมื่อปีที่แล้วเกิดการระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ต้องงดจัดรางวัลประกาศผลบัลลงดอร์ไป
มาปี 2021 กองหน้าของ “เสือใต้” ก็ยังทำผลงานได้ดีและได้รับคะแนนโหวตมาเป็นอันดับ 2 ตามหลัง Messi เพียงคนเดียวเท่านั้น
“ผมคิดว่า Robert Lewandowski ควรจะได้รางวัลบัลลงดอร์ไปครองเมื่อปีที่แล้ว เขายอดเยี่ยมจริง” กองหน้าวัย 34 กล่าวระหว่างพิธีมอบรางวัล
หากนับผลงานจากฤดูกาลที่แล้ว กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ช่วยให้ “เสือใต้” คว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปครอง และมีผลงานลงเล่นในลีก 29 นัดยิงไป 41 ประตู 11 แอสซิสต์
ในขณะที่ หัวหอกอาร์เจนไตน์ลงเล่นในฤดูกาลที่แล้วกับบาร์เซโลนา เขาลงเล่นในลา ลีกา ทั้งหมด 36 นัดยิงไป 30 ประตูกับอีก 15 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่ายังเป็นผลงานที่เยี่ยมยอดอยู่เหมือนเดิม และเป็นการเล่นเป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนหมดสัญญา
แต่ปัญหาที่คนพากันมองว่า Messi มีฟอร์มการเล่นที่ถดถอยก็คือ บาร์เซโลนาเสียแชมป์ลีกให้กับแอตฯมาดริด แถมในศึกยูฟา แชมเปียนส์ลีกก็ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย และเขายิงในแชมเปียนส์ลีกได้เพียง 5 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ มีถ้วยแชมป์ติดมือเพียงรายการเดียวคือแชมป์โคปา เดล เรย์
เมื่อจบฤดูกาลที่แล้ว บาร์เซโลนาไม่สามารถเสนอสัญญาใหม่ให้กับ Messi ได้เพราะปัญหาการเงินและจากกฎเพดานเงินเดือนนักเตะของลา ลีกา ที่ออกมาใหม่ ทำให้ดาวเตะวัย 34 ต้องอำลาสโมสรที่ค้าแข้งมายาวนานกว่า 21 ปี และย้ายมาร่วมทีมปารีส แซงต์แยร์กแมง และผลงานกับปารีสฯ ก็ยังกระท่อนกระแท่นเต็มที
เพราะอย่างนั้นก่อนการประกาศผลบัลลงดอร์ 2021 เต็ง 1 ที่จะคว้ารางวัลนี้ไปครองก็คือ Robert Lewandowski
หากแต่การพิจารณาผลงานของนักเตะที่จะคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ จะดูผลงานมาตลอดปี และไม่ใช่เพียงผลงานในสโมสรเท่านั้น แต่เป็นผลงานจากทีมชาติด้วย
Luka Modric มิดฟิลด์ชาวโครแอตคว้ารางวัลบัลลงดอร์ในปี 2018 สามารถแทรกตัวเองคว้ารางวัลนี้หลังจาก Messi กับ Ronaldo ผูกขาดมาโดยตลอด ก็เป็นเพราะผลงานที่ช่วยให้ “ราชันชุดขาว” คว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีก และยังพาทีมโครเอเชียสร้างประวัติศาสตร์เข้าถึงนัดชิงชนะเลิศเวิลด์ คัพ 2018 ที่รัสเซียอีก
Ronaldo ก็ยังเคยพาทีมชาติโปรตุเกสคว้าแชมป์แห่งชาติยุโรปเมื่อปี 2016 และส่งผลให้คว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปครอง
ส่วน Messi แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะฝีเท้ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก หากแต่สิ่งที่เขายังไม่เคยทำสำเร็จมาก่อนเลยก็คือผลงานในการเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินา เพราะตั้งแต่เล่นให้ทีมชาติมาไม่ได้เคยพาทีม “ฟ้าขาว” คว้าแชมป์รายการใดมาครองได้เลย
Pelé เคยพาบราซิลคว้าแชมป์โลก 3 สมัย ส่วน Diego Maradona ก็เคยพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลก 1986 ที่เม็กซิโกมาแล้ว
ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า ดาวเตะวัย 34 ยังควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมาหรือเปล่า
กระทั่งในปี 2021 Messi เป็นกำลังสำคัญช่วยให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โคปา อเมริกาไปครอง โดยเอาชนะคู่ปรับสำคัญอย่างบราซิลลงได้ในนัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้ “ฟ้าขาว” กลับมาคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา
และเป็นการคว้าแชมป์ในการเล่นระดับชาติครั้งแรกของ Lionel Messi อีกด้วย
อีกทั้งผลงานของบาร์เซโลนาในฤดูกาลนี้ที่ไม่มีดาวเตะอาร์เจนไตน์ร่วมทีมย่ำแย่หนักจนอันดับหล่นรูดไปอยู่ที่ 7 ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของดาวเตะอาร์เจนไตน์
ด้วยเหตุนี้เอง รางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 7 จึงตกเป็นของ Lionel Messi อีกสมัย ด้วยคุณค่าที่คู่ควร