Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555 |

สำรวจสุดยอด“ปีก-มิดฟิลด์”ในยูโร 2020

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แม้ว่าปัญหาการระบาดของไวรัส โควิด-19 จะทำให้รูปแบบการแข่งขันเปลี่ยนไปจากเดิม การใช้สังเวียนแข่งขันถึง 12 สนามทั่วยุโรปทำให้สีสันการแข่งขันเปลี่ยนไปจากเดิม

และเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีนักเตะ “บิ๊กเนม” ร่วมแข่งขันอย่างมากมาย และเว็บไซต์ www.squawka.com ได้ทำการคัดเลือกเหล่าผู้เล่นในตำแหน่งปีกและมิดฟิลด์ที่น่าจับตาเอาไว้ มีใครเป็นใครบ้างไปดูกัน

ตำแหน่งปีก

1.เจดอน ซานโช (โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์/ทีมชาติอังกฤษ)

ผลงานในรอบคัดเลือก:ลงเล่น 6 นัด ยิง 2 ประตูทำ 3 แอสซิสต์

ซานโชไปกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในบุนเดสลีกา เป็นดาวเด่นของดอร์ตมุนด์ มีผลงานยิง 8 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทุกทีมต้องการ และแมนฯยูกำลังทาบซื้อตัวไปร่วมทีม

2.แจ็ค กรีลิช (แอสตัน วิลลา,อังกฤษ)

ผลงานในรอบคัดเลือก ไม่มี

ตำแหน่งถนัดของกรีลิชคือทำเกมทางฝั่งซ้าย และเป็นปีกที่สร้างโอกาสทำประตูมากที่สุดใน 5 ลีกของยุโรปคือ 81 ครั้ง มากกว่า ซอน เฮือง-มิน (75) และ อังเคล ดิ มาเรีย (70) แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนมาเกือบตลอดฤดูกาล แต่กรีลิชมีสิทธิ์แจ้งเกิดในยูโร 2020

3.คิงสลีย์ โกม็อง (บาเยิร์น มิวนิก,ฝรั่งเศส)

ผลงานในรอบคัดเลือก :ลงเล่น 6 นัดยิง 3 ประตู

คิงสลีย์ โกม็อง เล่นฟุตบอลอาชีพมาแล้ว 9 ฤดูกาลคว้าแชมป์ไปแล้ว 10 รายการ รวมทั้งเป็นแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกกับ “เสือใต้” ด้วย แม้อายุ 24 แต่เป็นปีกที่มีประสบการณ์สูง ชั้นเชิงจัดจ้าน แอสซิสต์เก่งและยิงประตูคม

4.เมมฟิส เดอปาย (ลียง,เนเธอร์แลนด์)

ผลงานในรอบคัดเลือก :ลงเล่น 6 นัด ยิง 6 ประตูกับ 8 แอสซิสต์

เดอปายอาจไม่สามารถแจ้งเกิดกับ “ผีแดง” ได้ แต่เขาเป็นเพลย์เมคเกอร์คนสำคัญของลียงในศึกลีกเอิง คุณสมบัติของเขาก็คือปีกจอมลุย แต่ที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเดิมก็คือผลงานยิงประตูและการทำแอสซิสต์ ดาวเตะวัย 27 เล่นให้ลียงมาทั้งหมด 178 นัด ยิง 76 ประตูกับอีก 55 แอสซิสต์

มิดฟิลด์ (มิดฟิลด์ตัวกลางและกองกลางตัวรุก)

1.อิลคาย กุนโดกัน (แมนฯซิตี้,เยอรมนี)

ผลงานในรอบคัดเลือก :ลงเล่น 6 นัด ยิง 3 ประตู 2 แอสซิสต์

ฤดูกาลที่ผ่านมากุนโดกันทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในทีมแมนฯซิตี้ และแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งที่เขาทำได้ดีที่สุดก็คือมิดฟิลด์ตัวรุก เพราะยิงไปได้ถึง 16 ประตูในทุกรายการ และคาดว่าเขาจะได้รับบทบาทนี้ในทีม “อินทรีเหล็ก” ด้วยเช่นกัน

2.เควิน เดอบรอยน์ (แมนฯซิตี้,เบลเยียม)

ผลงานในรอบคัดเลือก :ลงเล่น 6 นัด ยิง 4 ประตูกับ 7 แอสซิสต์

เดอบรอยน์คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษจากการคัดเลือกของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ เป็นเครื่องการันตีคุณภาพของเขาแล้ว เดอบรอยน์ เป็นจอมทัพของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เด่นทั้งการแอสซิสต์และการยิงประตู ต่อให้สภาพร่างกายฟิตแค่ 50 % โรแบร์โต มาร์ติเนซ ก็ต้องให้เขาลงเล่นเป็นตัวจริงแน่นอน

3.โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิก,เยอรมนี)

ผลงานในรอบคัดเลือก:ลงเล่น 7 นัดทำ 2 แอสซิสต์

คิมมิชอาจจะไม่โด่งดังเหมือนกุนโดกันหรือเดอบรอยน์ แต่เขาเป็นขวัญใจของแฟนบอลเยอรมัน เป็นมิดฟิลด์ใจสู้ พัฒนาการเล่นแบบก้าวกระโดด จากแบ็กขวากลายมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่เป็นศูนย์รวมของทีม และนักเตะคุณสมบัติเช่นนี้มักจะแจ้งเกิดในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้เสมอ

2.บรูโน่ เฟอร์นานเดส (แมนฯยู,โปรตุเกส)

ผลงานในรอบคัดเลือก:ลงเล่น 6 นัดยิง 1 ประตู 1 แอสซิสต์

เฟอร์นานเดสโดดเด่นอย่างมากกับ “ผีแดง” ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา และโปรตุเกสมีองค์ประกอบทุกอย่างที่จะคว้าแชมป์ไปครอง โดยเฉพาะมิดฟิลด์เกมรุกที่หาพื้นที่ยิงประตูได้ดีหาใครกินเขาได้ยาก

1.เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี,ฝรั่งเศส)

ผลงานในรอบคัดเลือก :ลงเล่นนัดเดียว

ถ้าหากเทียบจากฟอร์มในปัจจุบันที่เพิ่งพาเชลซีคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ลีกไปครอง “เอ็นโคโล ก็องเต้” น่าจะเป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในยูโร 2020 ไม่เพียงเด่นที่การตัดเกม การแย่งบอลมาครองเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทมากขึ้นในเกมรุก และหากสามารถพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์ครั้งนี้มาครองได้ ตำแหน่ง “บัลลงดอร์” คงไม่หลุดมืออย่างแน่นอน