พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021-22 ต้องยอมรับว่ามีบรรดานักเตะระดับ “บิ๊กเนม” ย้ายมาเล่นหลายต่อหลายคนด้วยกัน และโด่งดังที่สุดก็คือ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ โรเมลู ลูกากู ซึ่งทั้งคนออกสตาร์ตได้ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรง แต่อย่าลืมว่าทั้งสองคนกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สองจึงไม่ค่อยมีปัญหาในการปรับตัวเท่าใดนัก
แต่ก็ยังมีนักเตะหลายคนที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมและอาจจะมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับต้นสังกัดใหม่จนโชว์ฟอร์มไม่ออก หนึ่งในนั้นก็คือ “เจดอน ซานโช” ปีกทีมชาติอังกฤษที่ย้ายจากดอร์ตมุนด์มาร่วมทีมแมนฯยูด้วยค่าตัว 73 ล้านปอนด์แต่ยังโชว์ฟอร์มไม่ออกเลย
แต่ก็ไม่ใช่นักเตะคนแรกที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกแล้วจะแจ้งเกิดได้หมด ผู้เล่นระดับโลกอย่าง อังเดร เชฟเชนโก้,โรบินโญ,ราดาเมล ฟัลเกา และ อังเคล ดิ มาเรีย ซึ่งเคยพบกับช่วงเวลายากลำบากในฤดูกาลแรกมาแล้วทั้งสิ้น
คราวนี้ลองมาดูสิว่าใครติด “ท็อปเทน” ฟอร์มฟุบในฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีกบ้าง
1.ดาวิด เด เคอา (แมนฯยู)
นายทวารชาวสเปนย้ายจากแอตฯมาดริดมาอยู่กับแมนฯยูเมื่อ 1 มิ.ย.2011 และฤดูกาลแรกก็มีปัญหาในการปรับตัวเพราะเจอกับเกมเร็วและการชาร์จอันดุดันของกองหน้า จนไม่ได้โอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อปรับตัวได้เด เคอา ก็กลายเป็นมือ 1 ไปอย่างสมบูรณ์แบบ เคยคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสร 4 ครั้งในรอบ 5 ปี
2.จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล)
“เฮนโด้” ย้ายจากซันเดอร์แลนด์มาอยู่กับ “หงส์แดง” เมื่อ 1 มิ.ย.2011 แต่ฤดูกาลแรกไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าจดจำเลย เขาเล่นเป็นตัวทำเกมริมเส้นแต่จับจังหวะการเล่นของทีมไม่ค่อยได้ แต่หลังจากให้เวลาพิสูจน์ตัวผ่านไปในฤดูกาลแรก เฮนเดอร์สัน กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะเกม และเป็นกัปตันทีมที่พาลิเวอร์พูลสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นคนแรก
3.เจา คันเซโล (แมนฯซิตี้)
ฟูลแบ็กทีมชาติโปรตุเกสย้ายจากยูเวนตุสมาร่วมทีมแมนฯซิตี้ตั้งแต่เดือนส.ค.2019 ด้วยค่าตัวถึง 65 ล้านปอนด์ และเป็นนักเตะอีกคนที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ฟุตบอลอังกฤษอยู่นานมาก และเพิ่งมาแจ้งเกิดในฤดูกาล 2020-21 ที่ผ่านมานี้เอง โดดเด่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายและขวา โดยเฉพาะการเติมเกมรุกได้สุดหวือหวา
4,ซน ฮืง-มิน (สเปอร์ส)
กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ย้ายจากเลเวอร์คูเซนมาร่วมทีม “ไก่เดือยทอง” เมื่อเดือนส.ค.2015 และฤดูกาลแรกลงเล่น 40 นัดยิงได้ 8 ประตู จนเชื่อว่าคงจะอยู่ร่วมทีมไม่นาน แต่ซอน เฮือง-มิน ยิ่งเล่นยิ่งดี และฤดูกาลที่แล้วลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 37 นัดยิงได้ 17 ประตูกับอีก 10 แอสซิสต์
5.ปาทริซ เอฟรา (แมนฯยู)
แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสเล่นต้นฤดูกาลแรกกับ “ผีแดง” ไม่ดีนัก และพลาดติดทีมชาติฝรั่งเศสไปลุยศึกเวิลด์ คัพ 2006 แต่หลังจากนั้นเอฟรากลายเป็นตัวหลักของทีมและเป็นหนึ่งในแบ็กซ้ายระดับหัวแถวของพรีเมียร์ลีก
6.วิกเตอร์ โมเสส (เชลซี)
ฤดูกาลแรกกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” โมเสสลงเล่น 23 นัดในพรีเมียร์ลีกแต่ยิงได้แค่ประตูเดียว จึงถูกให้หลายทีมยืมตัวไปเล่นทั้งลิเวอร์พูล,เวสต์แฮม,สโต๊ก ซิตี้ แต่เมื่ออันโตนิโอ คอนเต้ ก้าวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมจึงให้โอกาสโมเสส และช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-17 โดยได้ลงเล่นถึง 34 นัดยิงได้ 3 ประตู
7.โรแบร์ ปิแรส (อาร์เซนอล)
ด้วยรูปร่างที่บอบบาง และการเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ปิแรส ไม่เป็นที่จดจำในฤดูกาลแรกกับ “ปืนโต” แต่หลังจากทำงานร่วมกับอาร์เซน เวนเกอร์ มาได้พักใหญ่ก็สามารถปรับตัวได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นเพลย์เมคเกอร์คนสำคัญ รวมทั้งทำประตูสำคัญให้อาร์เซนอลด้วย
8.มิคาเอล เอสเซียง (เชลซี)
ตอนที่เอสเซียงย้ายมาร่วมทีมนั้น เชลซีมีแผงห้องเครื่องชั้นดีทั้งแฟรงก์ แลมพาร์ด,คล็อด มาเกเลเล่ แต่เอสเซียงทำงานอย่างอดทน และกลายเป็นกองกลางพลังเทอร์โบในพรีเมียร์ลีก ได้ลงเล่นกว่า 250 นัดในทีม “สิงโตน้ำเงินคราม”
9.หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล)
ตอนที่ซัวเรซย้ายจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อปลายปี 2011 ไม่มีใครคาดหวังในตัวเขามากนัก ในช่วง 6 เดือนแรกยิงได้แค่ 4 ประตู แต่ฤดูกาลต่อมาหัวหอกทีมชาติอุรุกวัยเริ่มคลายพิษสงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนึ่งในตำนานเครื่องจักรถล่มประตูของ “หงส์แดง”
10.แกเร็ธ เบล (สเปอร์ส)
ปีกทีมชาติเวลส์ย้ายจากเซาแธมป์ตั้นมาร่วมทีมสปอร์สเมื่อ 1 ก.ค.2007 และในฤดูกาลแรกได้ลงเล่น 8 นัดยิงไปได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น แต่หลังจากนั้นเบลมีพัฒนาการก้าวกระโดด เป็นแบ็กซ้ายจอมบุกที่ยิงประตูได้คม กลายมาเป็นปีกความเร็วสูงและซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของวงการลูกหนังอังกฤษ ได้รับเลือกเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ 2 สมัยในช่วง 3 ฤดูกาล และกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด เมื่อปี 2013