ทีมชาติอิตาลีผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากดวลจุดโทษเอาชนะสเปน 4-2 ประตู (เสมอในเวลา 1-1) และเป็นการเข้าชิงเป็นสมัยที่ 4
และด้วยผลงานนับตั้งแต่รอบแรกเป็นต้นมาหากพลพรรคอัซซูรีจะคว้าแชมป์ไปครองก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
อิตาลีในยุคของโรแบร์โต มันชินี พลิกโฉมการเล่นอย่างสิ้นเชิง จากบอลเน้นรับแน่น รอจังหวะสวนกลับในการทำประตู เน้นผลของเกมมากกว่าสไตล์ ตอนนี้กลายเป็นทีมที่บุกได้ดุเดือด เกมรับยากแก่การเจาะ
และที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงก็ไม่มีคนใดที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์เหมือนในยุคก่อน
อิตาลีเคยมีฮีโร่ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เกิดขึ้นมากมาย นับตั้งแต่เปาโล รอสซี,ซิลวาตอเร สคิลลาชี,โรแบร์โต้ บักโจ้ แต่ในทีมชุดสู้ศึกยูโร 2020 อยากจะบ่งบอกว่าใครกันแน่ที่พาอิตาลีมาถึงจุดนี้ได้
อาจจะเป็นโรแบร์โต้ มันชินี
อดีตกุนซือแมนฯซิตี้ทำให้นักเตะมีสปิริตการเล่นอย่างเต็มที่ หิวกระหายชัยชนะ ตื่นตัวในการเล่นอย่างสม่ำเสมอ และผู้เล่นตัวจริงและตัวสำรองทดแทนกันได้อย่างยอดเยี่ยม ขึ้นอยู่กับว่าใช้แท็คติกการเล่นแบบไหน แล้วคู่ต่อสู้เป็นใคร เป็นสไตล์การเล่นของทีมชาติอังกฤษในยุคของเกเร็ธ เซาธ์เกตเช่นเดียวกัน
หลังจากเข้าชิงชนะเลิศ อิตาลีทำสถิติไม่แพ้ใคร 33 นัดติดต่อกัน เป็นผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930 เป็นต้นมา ความพ่ายแพ้ล่าสุดก็คือแพ้โปรตุเกส 0-1 ที่ลิสบอน ในศึกยูฟา เนชั่นส์ลีก เมื่อกันยายน 2018
จุดแข็งของอิตาลีน่าจะอยู่ที่เกมรับ แผงห้องเครื่องและกองหน้า ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
เลโอนาร์โด โบนุชชี และ จอร์โจ้ คิเอลลินี คือคู่เซนเตอร์แบ็กที่เข้าขากันมากที่สุด ใครก็ผ่านทั้งสองคนเข้าไปทำประตูไม่ได้ แม้แต่บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนียังยอมรับว่านี่คือคู่ปราการหลังที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ แม้ในเกมกับสเปนทีม “กระทิงดุ” จะเล่นได้ท็อปฟอร์ม ครองบอลได้เหนือกว่า มีโอกาสส่องประตูหลายหน แต่ทั้งโบนุชชีและคิเอลลินีก็ทำงานอย่างหนัก ไม่เช่นนั้นทีมอาจพังพาบไปแล้วก็
ในแผงกลางจอร์จินโญ เป็นตัวตัดเกมที่มีบทบาทมากในการหยุดแนวรุกของคู่แข่ง แม้อายุจะไม่น้อยเลยแต่ในเกมดวลกับ “กระทิงดุ” เขาเล่น 120 นาทีเต็ม คุมเกมในแดนกลาง และลงไปช่วยตัดเกมหน้ากรอบเขตโทษของตัวเองได้หลายครั้ง วิ่งได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
และที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือในการสังหารจุดโทษ เป็นคนยิงลูกตัดสินให้อิตาลีผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้ในที่สุด
นอกจากเกมรับแน่น มีเพลย์เมคเกอร์ในแดนกลางแล้ว อิตาลีชุดนี้ยังมีดีที่เกมรุกด้วยนอกจาก “ลอเรนโซ อินซินเญ” กองหน้าหุ่นมะขามข้อเดียวที่ทุ่มเทจนหมดพลังแล้ว อีกคนก็คือเฟเดริโก เคียซา กองหน้าจากยูเวนตุส ที่ทำประตูให้ทีมขึ้นนำสเปนไปก่อน และวิ่งไม่เคยหยุด ป่วนแนวรับของสเปนได้ตลอดเวลา จนหมดพลังต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงต่อเวลา
และหากรักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมไว้ได้ในนัดชิงชนะเลิศเขามีโอกาสพาอิตาลีคว้าแชมป์ยูโร 2020 และอาจได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ด้วยซ้ำ
โปรดติดตาม