เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุที่ตนเองย้ายออกจากเชลซี เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับโอกาสลงสนาม
โดยในตอนนั้น เดอ บรอยน์ ย้ายจาก เกงค์ มาร่วมทัพเชลซี ด้วยจำนวนเงิน 6.7 ล้านปอนด์ สมัยที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนจะมาเริ่มสร้างชื่อในการเป็นนักเตะยืมตัวไปเล่นให้กับ แวร์เดอร์ เบรเมน 1 ฤดูกาล ก่อนจะถูก โวล์ฟสบวร์ก ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยจำนวนเงิน 18 ล้านปอนด์ ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของบุนเดสลีก้า เยอรมัน และช่วยโวล์ฟสบวร์ก จบอันดับที่ 5 หลังจากนั้นปี 2014-2015 ก็มาเปล่งประกายด้วยการคว้านักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลก้า จากผลงานที่พาทีมคว้าอันดับ 2 ของบุนเดสลีก้า และยังพา โวล์ฟสบวร์ก คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ด้วยการชนะ ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเวลานั้น ก่อนที่จะถูกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุ่มเงินซื้อมาช่วงซัมเมอร์ปี 2015 ด้วยค่าตัวถึง 55 ล้านปอนด์ มาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ เดอบรอยน์ เผยผ่านกับทางสกายสปอร์ตว่า “ผมตัดสินใจย้ายทีมเพราะรู้สึกว่าผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงเล่นในตอนนั้น มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่จะออกจากเชลซี และไปหาสโมสรใหม่ที่ผมรู้สึกว่าผมจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ผมไม่เคยคิดหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตลอด 8 ปีจนมาเล่นให้ซิตี้ ทั้งฟุตบอลโลก และเรื่องทั้งหมดนั่น มันมหัศจรรย์มากๆ”
ในปัจจุบัน เดอบรอยน์ ได้ช่วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย เอฟเอคัพ 1 สมัย ลีกคัพ 4 สมัย