เมื่อ “ เอล กลาซิโก ” บิ๊กแมตช์ของ ลาลีกา สเปน ในปี 2021 – 22 เป็นเกมโคจรพบกันระหว่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2021 “ เอล กลาซิโก ” นัดแรกก็เปิดฉากขึ้น และ เรอัล มาดริด ก็บุกคว้าชัยในถิ่น คัมป์นู ซึ่ง ดาวิค อลาบา เซ็นเตอร์แบ็คป้ายแดง ที่สวมเสื้อหมายเลข 4 ลงสนาม ก็ยิงเปิดฉากประตูแรกให้กับตัวเอง ในเครื่องแบบของ เรอัล มาดริด และแน่นอนว่า ในเกม “ เอล กลาซิโก ” ที่เก็บชัยในถิ่น คัมป์นู คือเกมที่เปิดตัว อลาบา อย่างสมบูรณ์แบบ
ถ้าหากจะย้อนกลับไปในซีซั่นที่ผ่านมา ฤดูกาล 2020 – 21 แน่นอนว่า ถ้าหากเป็นนัดบิ๊กแมตช์ “ เอล กลาซิโก ” ในลีก สเปน ก็คงจะเป็นภาพของ ลีโอเนล เมสซี ยืนประกบคู่กับ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมหมายเลข 4 ของ เรอัล มาดริด แต่ทว่าในปีนี้ภาพของทั้ง 2 ที่ยืนประกบคู่ตามสื่อต่าง ๆ ก็คงไม่มีให้เห็น หลังจากที่ทั้ง เมสซี และ รามอส ย้ายเข้าไปสวมเครื่องแบบให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และแน่นอนว่าในตำแหน่งของ รามมอส ก็คือ อลาบา เซ็นเตอร์แบ็คป้ายแดง ที่เพิ่งย้ายมาจาก “ เสือใต้ ” บาเยิร์น มิวนิค รับหน้าที่แทน และยังได้สวมเสื้อหมายเลข 4 นับตั้งแต่ย้ายเข้า เบอร์นาบิว
สำหรับแฟนบอล เรอัล มาดริด คงไม่มีใครปฏิเสธสำหรับเสื้อหมายเลข 4 ที่พวกเขายังจดจำว่า เป็นเสื้อของ เซร์คิโอ รามอส อดีตกัดตันทีม ที่ใส่ลงสนาม และสร้างผลงานได้อย่างดุดัน โดยเฉพาะในเกมที่พบกับ บาร์เซโลนา ในลีก ที่เรียกว่า “ เอล กลาซิโก ” เมื่อไหร่ รามอส จะสวมบทโหด และพาลูกทีมไล่ถล่มประตูคู่แข่งได้อย่างสนุก ซึ่งแน่นอนว่าในซีซั่น 2021 – 22 ไม่มี รามอส และแฟน “ ราชันชุดขาว ” ก็คาดหวังที่จะเห็น อลาบา ทำผลงานให้เหมือนกับรุ่นพี่ที่ย้ายออกจากทีมไป และแน่นอนว่า เซ็นเตอร์แบ็คป้ายแดงที่สวมเสื้อหมายเลข 4 ก็ไม่ทำให้แฟน “ โลส บลังโกส ” ต้องผิดหวัง
อลาบา ยิงประตูขึ้นนำให้กับ เรอัล มาดริด ตั้งแต่นาทีที่ 32 ซึ่งถ้าหากจะส่องรูปเกมในวันนั้น และลูกที่ อลาบา บุกขึ้นไปยิงประตูให้กับทีม คงจะทำให้แฟนบอล เรอัล มาดริด ลืมอดีตกัปตันทีม รามอส ไปได้เลย หลังจากที่ อลาบา ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เจ้าตัวเหมาะสมกับเสื้อหมายเลข 4 และนี่ยังเป็นประตูแรก ที่ อลาบา ยิงในนามเครื่องแบบโลโก้ของ เรอัล มาดริด หลังจากที่ อลาบา ลงสนามให้กับ “ ราชันชุดขาว ” ในลีกสเปน นับตั้งแต่ที่ย้ายจาก “ เสือใต้ ” แบบฟรีค่าตัว