หากจะพูดถึงนักเตะที่เล่นในตำแหน่งกองหลัง ซึ่งพูดถึงความโหดเหี้ยม และดูเกเรพร้อมกับเป็นอันธพาล และมาพร้อมกับความดุดัน ก็คงต้องยกให้ “เปเป้” ป.ประมุข ซึ่งเป็นฉายาที่แฟนบอลชาวไทยได้ตั้งให้ และแน่นอนว่าแฟนบอลทั่วโลกต่างก็รู้จักศักยภาพ และนิสัยใจคอของกองหลังชาวโปรตุเกสรายนี้ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันนี้ปี 2022 เปเป้ ในวัย 39 ปีก็ยังคงลงสนามและโชว์ความโหดเหี้ยมยืนเป็นกองหลังพี่ใหญ่ให้กับ เอฟซี ปอร์โต้ เช่นเดิม
แต่ถ้าหากจะย้อนกลับไป ทุกคนคงอาจจะยังไม่ทราบว่าเพราะความอ่อนแอ และโอกาสอันน้อยนิดของ เปเป้ ทำให้เจ้าตัวต้องสวยบทโหด และติดเป็นคาแรคเตอร์ จนถึงปัจจุบันนี้
เปเป้ เซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรกกับสโมสร มารีตีมู ในวัย 18 ปี และแน่นอนว่าผลงานของ เปเป้ ก็ไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไหร่ แต่ถ้าว่าแซ็นเตอร์แบ็คโดยสรีระและสัญชาตญาณ เปเป้ มีครบจบทุกรูปแบบ นั่นจึงทำให้ในปี 2004 เอฟซี ปอร์โต้ ได้ซื้อตัว เปเป้ เข้าร่วมทัพในลีกสูงสุดของโปรตุเกส
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เปเป้ ได้สัมผัสกับการเล่นฟุตบอลของจริงที่อยู่ในอีกระดับที่เขาไม่เคยพบเจอ แต่ เปเป้ ก็สามารถพัฒนาฝีเท้าของตัวเองจนเป็นกองหลังเบอร์ 1 ของลีกโปรตุเกสได้ และแน่นอนว่าในช่วงที่ เรอัล มาดริด กำลังมองหาเซ็นเตอร์แบ็ครายใหม่หลังจากที่ เฟอร์นานโด เอียร์โร่ อำลา “ราชันชุดขาว” และพวกเขาก็ตัดสินใจซื้อ เปเป้ เข้าสู่ ซานดิอาโก เบอร์นาบิว ในปี 2007
ซึ่งแน่นอนว่าการย้ายทีมของ เปเป้ ในปี 2007 จาก ปอร์โต้ เข้าสู่ เรอัลมาดริด ไม่ใช่เพราะว่า เปเป้ มีความโดดเด่นมากพอแต่ก็เพราะว่า มาดริด อยู่ในยุคของอวสานกองหลังในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค เพราะไม่ว่าจะผลักดันนักเตะรายไหนขึ้นมาก็ตาม ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือฟอร์มหดหายก็ต้องถูกขายทิ้งออกไป แต่สำหรับ ปอร์โต้ พวกเขาก็พึงพอใจกับค่าตัวของ เปเป้ ในปีนั้นที่ มาดริด จ่ายให้ในราคา 30 ล้านยูโร และ เปเป้ มองว่าเป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีเท้า ถึงแม้ว่าเสียงส่วนใหญ่จะเตือนไม่ให้ เปเป้ ย้ายเข้าสู่ เรอัล มาดริด เพราะอาจจะหมดอนาคตในวงการลูกหนัง หลังจากที่ในยุคทองของลาลีกา สเปน ช่วงนั้นคือ บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด อยู่ในยุคตกต่ำ
และหลังจากที่ เปเป้ สวมเครื่องแบบให้กับ “ราชันชุดขาว” ซึ่งเกมแรก เปเป้ ได้ยืนคู่กับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ และแน่นอนว่าเกมแรกดูเหมือนว่านักวิจารณ์ หรือว่าเสียงส่วนใหญ่ที่บอกไม่ให้ เปเป้ ย้ายเข้าสู่ราชันชุดขาวจะเป็นจริง หลังจากที่ เปเป้ เล่นไม่เป็นอ่าว และมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งหลังจากจบเกม เปเป้ ได้ออกมาพูดถึงคู่หู คันนาวาโร่ ว่า “ไม่ซับพอร์ตรูปแบบการเล่น” นั่นหมายถึงตัวซ้อน เมื่อเขาหลุดบอล หรือว่าต้องการผู้เล่นกองหลังที่จะเข้าประกบกองหน้าแบบคู่
และหลังจากที่ผ่านเหตุการที่ เปเป้ ได้วิจารณ์การลงเล่นกับคู่หูเซ็นเตอร์แบ็ค คันนาวาโร่ ก็ทำให้เจ้าตัวเปลี่ยนทัศนคติ และรูปแบบการเล่นทันที เพราะทีม เรอัล มาดริด ไม่ได้เล่นเหมือนกับที่ ปอร์โต้ ตามที่ เปเป้ เคยเล่นฟุตบอลมา นั่นจึงทำให้สิ่งเดียวที่ เปเป้ รู้ว่าความอยู่รอดก็คือต้องเล่นบอลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงความหนัก และเพิ่มความโหดอีก 100% เพื่อความอยู่รอด และต้องดุดันพร้อมกับทำให้กองหลังเกรงกลัวอีก 100% นั่นคือสิ่งที่ เปเป้ ได้ให้สัมภาษณ์กับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่น และเชื่อหรือไม่ว่า เปเป้ ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 ฤดูกาล เจ้าตัวก็ถูกยกให้เป็นกองหลังที่โหดเหี้ยมมากที่สุดในวงการลูกหนัง ซึ่งด้วยบุคลิกและคาแรคเตอร์ที่ เปเป้ ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองนับตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาสู่ เรอัล มาดริด ในช่วงแรก จนเปลี่ยนผ่าน
ผู้จัดการทีมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น มูรินโญ่ หรือว่า เบเนติ รวมแม้กระทั่ง ซีดาน “เปเป้” ก็คือผู้เล่นกองหลังตัวหลักที่ถูกยกย่องถึงความโหด และต้องยอมรับได้เลยว่า ในช่วงที่เป็น เปเป้ ยืนคู่กับ รามอส ฉายา “แบดบอย Company” คือคู่หูกองหลังที่โหดที่สุดในบ้านวงลูกหนังยุโรป
ซึ่งทั้งหมดที่ เปเป้ มีคาแรคเตอร์และบุคลิกดุดันและโหดเหี้ยม และพร้อมที่จะฮวดคู่แข่งในทุกรูปแบบ นั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวยืนยันว่า ถ้าหากไม่ปรับตัว หรือว่าถอดเบรกเพื่อเพิ่มเกียร์โหดแบบเต็มกำลัง อาจจะหมดอนาคตตั้งแต่ที่สวมเครื่องแบบ “ราชันชุดขาว” ในเกมแรก