แจ็ค กรีลิช นักเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์ที่แมนฯซิตี้ยอมจ่ายให้แอสตัน วิลลา สามารถทำประตูแรกให้กับทีมได้แล้วในเกมที่ “เรือใบสีฟ้า” เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม ถล่ม “นกขมิ้น” นอริช 5-0 ประตู
ความจริงแล้วจุดเด่นของกรีลิชในตอนที่ค้าแข้งอยู่กับทีม “สิงห์ผยอง” ไม่ใช่สถิติการทำประตูเลย เพราะบทบาทในทีมของเขาคือเพลย์เมคเกอร์ เป็นตัวทำเกมทางริมเส้นด้านซ้าย และมักจะเป็น “จอมแอสซิสต์” ให้เพื่อนทำประตูเสียมากกว่า
กรีลิช ลงเล่นให้แอสตัน วิลลา มาทั้งหมด 213 นัดในทุกรายการ ยิงได้แค่ 32 ประตู แต่ทำได้ 43 แอสซิสต์
แต่ถ้าเป็นการลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก เขาลงเล่นไปทั้งหมด 96 นัด ยิงได้ 15 ประตู และทำ 19 แอสซิสต์
เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยให้สัมภาษณ์ว่าประทับใจฟอร์มการเล่นของกรีลิชมานานแล้ว เป็นนักเตะอังกฤษที่มีสไตล์ไม่ค่อยเหมือนใคร จุดเด่นคือครองบอลเหนียวแน่น เลี้ยงบอลหลบตัวเก่งได้ดี และสร้างสรรค์เกมรุก แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องการทำประตูเลย
แต่หลังจากเกมกับนอริช กุนซือชาวสเปนให้สัมภาษณ์ว่าประทับใจฟอร์มของมิดฟิลด์วัย 25 และในเกมดับนอริชได้แสดงให้เห็นแล้วว่าหาพื้นที่เพื่อทำประตูได้ดีอีกด้วย และมีคุณสมบัติของ “เครื่องจักรถล่มประตู” อยู่ในตัว
กวาร์ดิโอลา บอกว่าหากกรีลิชสามารถมองเห็นศักยภาพในตัวเอง เขาจะทำได้ดีเหมือนกับราฮีม สเตอร์ลิง อย่างแน่นอน เพราะตอนที่สเตอร์ลิงย้ายจากลิเวอร์พูลมาอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” ก็ไม่ใช่ดาวยิงแต่อย่างใด แต่ตอนนี้พัฒนาตัวเองขึ้นอย่างมาก
“ราฮีมย้ายมาอยู่กับเราเมื่อ 5 ปีก่อนเขาไม่มีความคิดเรื่องกลายเป็นดาวยิงของทีมอยู่ในใจเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว”
ในเกมกับนอริช สเตอร์ลิง ขยับบทบาทขึ้นไปเป็นกองหน้าตัวเป้า และสามารถทำได้หนึ่งประตู และดูเหมือนว่าจะสยบเสียงวิจารณ์ที่ว่าทั้งสองคนเล่นร่วมลงเล่นกันลงได้ และในทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2020 ก็สามารถสอดประสานการเล่นเป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุด
“ผมดีใจที่แจ็ค กรีลิช ทำประตูแรกให้กับทีมได้แล้ว” กุนซือชาวสเปนกล่าว “และหวังว่าเขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก แต่เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว”
กุนซือยอดฝีมือของแมนฯซิตี้บอกว่า กรีลิช เป็นนักเตะที่ครบเครื่อง มีศักยภาพหลายอย่างทั้งทำเกมและยิงประตู หากสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติได้ เขาอาจจะกลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูก็ได้ ใครจะรู้
“ผมคิดว่าหากเขาปรับเปลี่ยนความคิดในใจของเขาได้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาจะกลายเป็นยิงประตูได้ลูกแล้วลูกเล่าให้กับเราอย่างแน่นอน”
กรีลิช ก็ยอมรับว่า การย้ายมาอยู่กับแมนฯซิตี้ในครั้งนี้เป็นทั้งความท้าทายและความกดดันครั้งใหญ่ เขาย้ายมาอยู่กับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และยังเป็นคู่ชิงชนะเลิศยูฟา แชมเปียนส์ลีก และความท้าทายก็คือการได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ เล่นให้กับสโมสรที่จะมีลุ้นแชมป์ทุกรายการ
แต่ความกดดันที่ต้องแบกรับก็คือการย้ายทีมมาด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านปอนด์ เป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษ แล้วไหนยังจะต้องเล่นร่วมกับนักเตะฝีเท้าเวิลด์คลาสซึ่งจะต้องแก่งแย่งตำแหน่งตัวจริงตามวิถีทางนักเตะอาชีพอันเป็นเรื่องธรรมดา
และประตูแรกที่ทำได้อาจเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งสู่ความยิ่งใหญ่
