ไมเคิล โอเว่น
1996 – 2004 (9ปี)
ตามหลักการแล้ว โอเว่นควรจะถูกเชิดชูให้เป็นหนึ่งในตำนาน หรือหนึ่งในสัญญลักษณ์ของนักเตะผู้จงรักภักดีต่อหงส์แดง ลิเวอร์พูล เฉกเช่นเดียวกับ สตีเฟ่น เจอราร์ด ด้วยซ้ำไป เพราะเขาขึ้นมาจาก อะคาเดมี่ของสโมสร เรียกว่า “ถือกำเนิดเกิดมาเพื่อเป็นหงส์” แต่การย้ายทีมของเขาในฤดูกาล 2004 จากแอนฟิลด์ไป รีล มาดริด นั้น ดูจะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการไม่พอใจที่ถูกแสดงออกมาในบรรดาสาวกหงส์แดง ถึงแม้ว่าจะไม่รุนแรงมากนัก เพราะเข้าใจได้ว่าตัวนักเตะต้องการความก้าวหน้า สิ่งที่กองเชียร์เดอะค็อป รู้สึก นั้นก็คือ อาการงอแง อิดออดในเรื่องการต่อสัญญาใหม่ มันดูราวกับว่าเขากำลังบีบให้ลิเวอร์พูล จำใจขายเขาออกไปในราคาถูกแสนถูก เพราะถ้าไม่ขาย ก็ต้องเสียเขาไปฟรีๆ เพราะเขาไม่คิดจะต่อสัญญาฉบับใหม่ สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยเขาไปให้ราชันชุดขาว ในราคาเพียงแค่ 8ล้านปอนด์เท่านั้น!!! ดอกนี้ยังไม่เท่าไหร่ ดอกต่อมา เมื่อไปแล้วโดนทิ้ง โดนถีบหัวส่ง ครั้นจะซมซานกลับมาหาคนรักเก่า ก็ดูจะเสียหน้า เลยย้ายไปอยู่กับนิวคาสเซิ่ล ปรากฏว่า พอนิวคาสเซิ่ลมีอันต้องถูกยุบ เอ๊ย หล่นไปเล่นในลีกแชมป์เปี้ยนชิพ โอเว่นก็ขึ้นทะเบียนขอย้ายพรรคทันที จนถูกตราหน้าจากแฟนนิวคาสเซิ่ลว่า “ไอ้ขี้ขลาด ไอ้ทรยศ” และการย้ายหนีนิวคาสเซิ่ลในครั้งนี้ มันยิ่งตอกย้ำความเกลียดชังของเด็กหงส์เข้าไปอีก เมื่อโอเว่นย้ายไปซบตักผีแดง คู่อริตลอดกาลของลิเวอร์พูล ปัจจุบัน เรียกว่า ไม่มีแฟนหงส์คนไหนคิดว่าเขาคือ อดีตศูนย์หน้าตัวฉกาจที่เคยอยู่กับทีมเราอีกเลย
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
2012 – 2015 (4ปี)
สเตอร์ลิ่ง ถือว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาในกลุ่มนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกัน ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นตำนานของทีมอีกคนหนึ่ง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ฝีเท้าของสเตอร์ลิ่ง ก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ ในทางกลับกัน เขารู้สึกว่า สโมสรแห่งนี้ ไม่สามารถตอบโจทย์ความสำเร็จให้กับตัวเขาได้ เขาจึงตัดสินใจมองหาสังกัดใหม่ และในช่วงนั้น มีกระแสการดูดนักเตะดังๆ เพื่อต้อนขึ้นเรือ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ล้วนถูกส่งบัตรเชิญกันอย่างถ้วนหน้า รวมถึงตัวของเขาด้วย ลิเวอร์พูลรู้ดีว่า ตัวเขามีค่ามากแค่ไหนต่อสโมสร ก่อนที่สเตอร์ลิ่งจะหมดสัญญา ลิเวอร์พูล จึงยื่นข้อเสนอ สัญญาใหม่ให้กับเขา โดยจ่ายค่าเหนื่อยให้ 70,000ปอนด์ ต่อสัปดาห์ (มากกว่าเดิม 2เท่าตัว) เขาปฏิเสธ ทางทีมก็เริ่มเอะใจ อะ ลองใหม่ ยื่นครั้งที่ 2 เสนอให้ 100,000ปอนด์ต่อสัปดาห์ (มากสุดเท่าที่จะให้ได้กับนักเตะดาวรุ่งอายุแค่ 20ปี) เขาก็ปฏิเสธอีก จนผู้บริหารเริ่มสบถ “มันเป็น Son Teen อะไรวะ หึ!!!” คราวนี้เริ่มรู้แล้วว่า เขาไม่อยากเล่นให้กับหงส์แดงอีกต่อไป ผู้จัดการส่วนตัวของเขา ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่า “ราฮีมไม่ได้ต้องการเงินมากมายก่ายกอง สิ่งที่เขาต้องการนั่นก็คือแชมป์ต่างหาก ซึ่งลิเวอร์พูลไม่สามารถทำให้ฝันของเขาเป็นจริงได้” อ่าว อ่าว พูดเรียก Teen แบบนี้ กองเชียร์ก็ขึ้นสิครับ (ถึงแม้จะไม่ได้ออกมาจากปากราฮีม) ไปเลย มึงไปเลย ไสหัวไปไกลๆ Teen เลย สุดท้ายหงส์แดงก็ตัดสินใจขายเขาออกไปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยราคาที่เป็นสถิติแพงที่สุดบนเกาะอังกฤษ(ณ ตอนนั้น) 49ล้านปอนด์ แซงแอนดี้ คาโรล์ ที่ทำไว้ 35ล้านปอนด์ เขาจึง ถอดเสื้อลิเวอร์พูล จากสีแดง เปลี่ยนไปใส่เสื้อสีฟ้า เล่นให้กับทีมเจ้าบุญทุ่มรายใหม่ของเกาะอังกฤษ ตั้งแต่ฤดูกาล 2015 มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยทัศนะคติที่เป็นลบต่อทีม (ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด) เขาก็เลยกลายเป็นตัวขยักขะแยงของบรรดาสาวกเดอะ ค็อป ไปโดยปริยาย
ฟิลิปเป้ คูติญโญ่
2013 – 2018 (6ปี)
“ถ้านายอยู่ต่อ นายจะกลายเป็นตำนาน แต่ถ้านายไป นายก็จะเป็นแค่นักเตะธรรมดาคนหนึ่ง” JK เคยเตือนคูตี้ไว้เมื่อครั้งที่เขามาขอคำปรึกษาเรื่องการย้ายทีมไปขึ้นยานมนุษย์ต่างดาว นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคูตี้จะตัดสินใจอย่างไร บอสใหญ่อย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็พร้อมเคารพการตัดสินใจของเขา สุดท้าย คูตี้ก็ตัดสินใจไปหาความท้าทายใหม่ คูตี้ก็เหมือนกับโอเว่น (จริงแล้วก็คงจะพูดได้ว่านักเตะทุกคนนั่นแหละ) ที่ต้องการประสบความสำเร็จ อยากได้แชมป์สูงสุด ทั้งในและต่างประเทศ แต่เหมือนเทวดากลั่นแกล้ง พอโอเว่นออกจากหงส์แดงไป ปีต่อมา ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์ UCL (ชนะเอซี มิลาน) คูตี้ก็เช่นกัน ออกจากหงส์แดงไปในปี 2017, พอปี 2018 ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์ UCL ได้สำเร็จ และจ่อจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้อีกด้วย ทีมเก่าประสบความสำเร็จเมื่อเขาออกไป แต่ตัวเขากลับต้องเร่ร่อน หาทีมเล่นไม่ได้ ขนาดมีกระแสว่าอาจจะกลับมาแอนฟิลด์อีกครั้ง ยังมีเสียงต่อต้นจากแฟนบอล ว่าไม่ต้อนรับขับสู้เขาอีกต่อไป