‘ยาป สตัม คือที่สุดแห่งกองหลัง โดยไร้ข้อกังขา และผมก็ทำพลาดซะแล้ว’ คำพูดจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือความจริง หลายปีหลังปล่อยตัวเขาออกไปจากทีมในปี 2001 และนับเป็นช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่ดูจะสั้นเกินไปในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
บางคนบอกว่า เฟอร์กูสัน รู้สึกเสียใจมาก และข้อมูลเหล่านี้ก็เปิดเผยใน อัตชีวประวัติ สตัม ที่ลงรายละเอียดในความรู้สึกในตอนที่ย้ายไปอยู่กับทัพปิศาจแดง จาก พีเอสวี
อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ กลับต้องการขาย สตัม ให้กับ ลาซิโอ เพื่อนำเงินเข้าสโมสร เพราะเขามีปัญหาอาการบาดเจ็บ ‘เขาต้องพักหลายเดือน เมื่อเขากลับมา สตีฟ แม็คลาเรน และ ผม คิดว่าเขาช้าลงเยอะตอนเจอกับ ฟูแล่ม และเกมนั้นเขาเล่นไม่ดีเท่าไหร่ ในตอนนั้น ลาซิโอ้ เข้ามาและยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 16.5 ล้านปอนด์ ดังนั้น สตัม เลยได้ย้ายไปอิตาลีและโชว์ฟอร์มอันสุดยอดอีกครั้ง นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ ผมควรรอให้นานกว่านี้’
เหมือนกับ เฟอร์กูสัน สตัม ไม่ได้พูดต่อว่าใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหนังสือของเขา เขารู้สึกแค่ว่า สโมสรมีนักเตะมากเกินไป และต้องการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ 5 ปี และตัวเขาก็เองก็มีมูลค่าในการย้ายทีมมหาศาล เขาพึ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และอายุก็เข้าหลัก 30 แล้ว คงถึงเวลาต้องหาเงินเข้าสโมสร ไม่ว่าคุณจะเชื่อแบบไหน ความจริงก็คือ สตัม อยู่กับแมนฯยูไนเต็ดสามปี แต่มันก็ต้องจบลงด้วยการตัดสินใจของป๋าเฟอร์กี้ ที่อยากขายเขาออกไป นับเป็นตอนจบที่น่าเศร้าในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด สำหรับนักเตะที่พวกเรายกย่องว่าเป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้
ทีมบริหาร ควรมองภาพให้กว้างกว่านี้เกี่ยวกับประสบการณ์อันล้ำค่าของเขา ซึ่งสามารถเอามาสอน เวส บราวน์ , จอห์น โอเช แล้วก็ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งย้ายมาจากลีดส์หนึ่งปีหลัง สตัม ไปอยู่อิตาลี
แฟนแมนฯยูไนเต็ดส่วนใหญ่ยอมรับว่าการปล่อยกองหลังชาวดัตช์ออกไปจากทีมนับว่าเป็นความผิดพลาดของป๋า ต้นปี 2017 เมื่อ สตัม กลับมายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ใน รายการ เอฟเอ คัพ ในฐานะ ผู้จัดการทีมของเรดดิ้ง เหล่าแฟนบอลต่างร้องเพลงให้เขา ‘ยิป ยาป สตัม เขาคือ ขาใหญ่ชาวดัตช์’ เสียงร้องกึกก้อง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อเป็นเกียรติแก่สุดยอดปราการหลังรายนี้
สตัม ย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเกือบจะ 20 ปี ที่แล้วในซัมเมอร์ปี 1998 ในตอนแรกดูเหมือนแฟนๆจะยังไม่เชื่อเท่าไหร่ว่าเขาจะเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้ในฤดูกาลแรก ซึ่งในปีนั้นป๋าเฟอร์กี้ก็หวังจะทวงบัลลังก์แชมป์คืนจากอาร์เซน่อล ในเวลานั้น สตัม คือกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในลีกเมืองผู้ดี ด้วยค่าตัว 10.6 ล้านปอนด์
แมตช์เดบิวต์ของเขา คือการพ่ายแพ้ต่อ อาร์เซน่อล 3-0 ในเกม แชริตี้ ชิลด์ แค่เริ่มต้นก็ยากแล้ว อย่างไรก็ตาม สุดยอดปราการหลังรายนี้ก็ปรับตัวเขากับบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว เขากลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุด ในพรีเมียร์ลีก ทั้งความเร็ว การยืนตำแหน่ง และความเป็นผู้นำ จะหาใครเทียบได้ก็คงยาก
ฤดูกาลแรกของเขานั้นเป็นอะไรที่ต้องจดจำเพราะเมื่อย้ายมาแล้วก็สามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 3 รายการ ความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซน่อลในแชริตี้ ชิลด์ นับเป็นเพียง 1 ใน 5 ครั้งที่พวกเขาพ่ายแพ้ในฤดูกาลนั้น แล้ว สตัม ก็กลายเป็นหัวใจหลักในแนวรับของยูไนเต็ดทันที เรียกได้ว่าทดแทนความแข็งแกร่งที่หายไป นับตั้งแต่การย้ายทีมของอดีตกัปตันอย่าง สตีฟ บรูซ
สตัม เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีม พร้อมกับ ดไวท์ ยอร์ค และ เจสเปอร์ บลอมควิสต์ ถือเป็นการถ่ายเลือดของยูไนเต็ด เพราะ ไบรอัน แมคแคลร์ และ แกรี พัลลิสเตอร์ ก็ต้องจบเส้นทางของเขากับยูไนเต็ดเนื่องจาก ป๋าเฟอร์กี้ ได้วางแผนสร้างทีมใหม่เพื่อทวงแชมป์กลับคืนมาให้ได้ ส่วนปีเตอร์ ชไมเคิล ก็เช่นกัน ฤดูกาล1998/99 นับเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับยูไนเต็ด
ในยุคนั้น ก็คงเรียกได้ว่าพวกเขาคือเจ้าแห่งพรีเมียร์ลีก และ สตัม ก็ได้ยิงประตูเดียวของเขาในสีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมที่ถล่ม เลสเตอร์ไป 6-2 และถึงแม้คุณภาพการเล่นของพวกเขาจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่กว่าจะได้แชมป์มานั้นก็ต้องวัดจนแมตช์สุดท้าย ในเกมที่ชนะ สเปอร์ส ไปได้ และขึ้นนำอาร์เซน่อลเพียงแต้มเดียว เรียกว่าเกือบจะไม่ได้เทรเบิลแชมป์แล้วด้วยซ้ำ
ชัยชนะ ใน เอฟเอ คัพ เหนือ นิวคาสเซิล ของ รุด กุลลิท ที่เวมบลีย์ หลังจาก ค่ำคืนอันโด่งดัง ที่ บาร์เซโลน่า ซึ่งยูไนเต็ด เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้อย่างปาฏิหาริย์ จากสองประตูของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
สตัม ประสบความสำเร็จอย่างมากในฤดูกาลแรกของเขากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และหลายๆคนคงทำได้เพียงแค่ฝัน ‘ผมไม่อาจหวังให้ฤดูกาลแรกในอังกฤษดีกว่านี้ได้อีกแล้ว คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก , เอฟเอ คัพ รวมถึงสุดยอดบทส่งท้าย ผมยังจำได้ถึงตอนที่มองไปยังนาฬิกาใน คัมป์ นู ขณะที่มันกำลังนับถอยหลัง รูปเกมดูไม่ดีเอาซะเลย แต่ เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พวกเขายิงสองประตูที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้ง พวกเรามีปาร์ตี้ที่ไม่รู้ลืมในการเฉลิมฉลองค่ำคืนอันแสนวิเศษนี้”
สตัม จบฤดูกาลแรกของเขาในฐานะนักเตะของทัพปิศาจแดงได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ ชไมเคิล ยังยอมรับว่า เขาคือกองหลังที่ดีที่สุดที่เคยร่วมงานด้วยในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถึงแม้พวกเขาจะเล่นด้วยกันได้เพียงฤดูกาลเดียว
ฤดูกาลต่อมา ยูไนเต็ด และ ยาป สตัม ก็ได้เป็นแชมเปี้ยนแห่งเกาะอังกฤษอีกครั้ง ด้วยแต้มห่างจากอันดับสองถึง 18 แต้ม พร้อมกับการถล่มไปถึง 97 ประตู สตัม ยังคงเป็นภูผาหินในแนวรับ ในขณะที่ป๋าเฟอร์กี้ยังคงมีปัญหาในการหาตัวแทนของ ชไมเคิล ซึ่งย้ายไปอยู่กับ สปอร์ติง ลิสบอน และในปีนั้นเอง สตัมก็ได้คว้าแชมป์ อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ มาครอง แถมยังได้รับเกียรติให้ติดทีม UEFA Club Defender เป็นปีที่สองติดต่อกัน ในปี 1999 และ 2000 ด้วยเช่นกัน
ฤดูกาลสุดท้ายของ สตัม กับ ยูไนเต็ด เขาคว้าแชมป์อีกครั้ง ในขณะที่ ป๋าเฟอร์กี้ ก็ประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยติดต่อ ในปีนั้น พวกเขานำห่างอาร์เซน่อลถึง 10 แต้ม และสิ้นสุดเส้นทางแชมเปี้ยน์ลีก ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย สตัม ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เขาคว้าแชมป์ลีกทุกฤดุกาลที่ลงเล่นกับ ยูไนเต็ด และได้รับการเสนอชื่อติดทีม PFA ในทุกๆปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นกองหลังที่ดีที่สุดของเกาะอังกฤษทุกฤดูกาลที่ลงเล่น
คงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ ป๋าเฟอร์กี้ ที่คิดปล่อยตัวเขาออกไป ในฤดูกาลต่อมา หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ยูไนเต็ด จบอันดับ 3 ในตาราง นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ การตัดสินใจขาย สตัม แล้วแทนที่ด้วยนักเตะอายุมากกว่าอย่าง โลรองต์ บลองต์ นับเป็นปัจจัยสำคัญให้ยูไนเต็ด ชวดแชมป์ทุกรายการในฤดูกาลนั้น
ในขณะที่ ยูไนเต็ดกำลังมีปัญหากับการย้ายทีมของ สตัม ตัวเขาเองได้เริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่ อิตาลี กับ ลาซิโอ้ และได้เข้าสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาตลอด 5 ปี สตัม คว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย ที่โรม หลังถูกแบนเนื่องจากใช้สารกระตุ้น สตัม ย้ายไปอยู่กับ เอซี มิลาน ในปี 2004 และได้ลงเล่นในค่ำคืนที่บ้างคลั่ง ที่ อิสตันบูล เกมที่ มิลาน พ่ายต่อลิเวอร์พูล ในปี 2005 แชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ
สตัม ได้กล่าวภายหลัง ว่าเขายังคงคิดถึงเกมที่พ่ายแพ้ ใน ตุรกี มากกว่าค่ำคืนแห่งชัยชนะที่สเปน จากคำพูดของเขาผ่าน FourFourTwo : ‘เมื่อนึกถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ผมมักจะย้อนไปก่อนปี 1999 ความเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้มักจะอยู่กับคุณนานกว่าที่คิด’ ต่อมาสตัมได้ย้ายกลับไปเล่นให้ อาแจกซ์ และรีไทร์ในปี 2007 เขาทำงานเป็นโค้ชในหลายตำแหน่ง ก่อนจะไปคุม เรดดิ้ง ในปี 2016 – 2018
นอกจากนี้ เขายังลงเล่นให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 67 นัด
คงต้องย้ำอีกครั้งว่า การตัดสินใจปล่อย สตัม ออกจากทีมไปนั้น นับเป็นหายนะอย่างยิ่งของ ยูไนเต็ด สตัม อาจได้เป็นกำลังหลักในแนวรับของทัพปิศาจแดงอีกหลายปี ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปอีกมากมาย และเขาจะเป็นพี่ใหญ่ในห้องแต่งตัวและคอยแนะนำนักเตะรุ่นน้องได้อย่างดี
การเข้ามาแทนที่ สตัม ของเฟอร์ดินานด์ ในตอนนั้น ถึงแม้ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จ แต่หาก สตัม ยังอยู่ อาร์เซน่อลอาจไม่ได้คว้าแชมป์ไร้พ่าย หรือแม้แต่ เชลซี ของมูรินโญ่ ที่ว่าโหดนักหนา ก็คงไม่กล้ามาลูบคมป๋าเฟอร์กี้ นอกจากนี้ พวกเขาไม่สามาถคว้า ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ได้เลย จนกระทั่งปี 2008 จากการเข้ามาของ เนมานย่า วิดิช ผู้มารับช่วงต่อจาก สตัม
ไม่ว่าเขาจะย้ายทีมออกไปเร็วแค่ไหน สตัม จะยังคงได้ใจแฟนแมนฯยูไนเต็ดเสมอ และเขาจะยังเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรนี้ตลอดไป