สาวก เดอะ คล็อป มีอันต้องเฮแล้ว หลังจากที่ เยอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการขยายสัญญาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าตัวเก่งของทีมออกไปภายในเร็ววันนี้ หลังจากที่ดาวเตะทีมชาติอียิปห์ เหลือสัญญากับ ลิเวอร์พูล ถึงปี 2023 เท่านั้น
ซาลาห์ กองหน้าวัย 29 ปี ย้ายจาก อาแอส โรมา ยอดทีมเหมืองหลวงในอิตาลี มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2017 โดยลงเล่นให้ทีมไปแล้วทั้งสิ้น 204 นัด ทำได้ 126 ประตู เขาเป็นกำลังสำคัญของทีม จนมีข่าวลือย้ายไป เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลนา 2 ยักษ์ใหญ่เงินน้อยในสเปนมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยสถานการณ์การเงินของทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน ทำให้ไม่สามารถยื่นข้อเสนอที่ดีพอจะซื้อตัวเขาไปจาก ลิเวอร์พูล ได้
ด้วยความสำคัญของ ซาลาห์ รวมถึงบทบาทสำคัญมากมายภายในทีมของเขา ทำให้สโมสรเตรียมขยายสัญญาของดาวเตะตัวจี๊ดรายนี้ออกไป โดย คล็อปป์ ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า “ แน่นอนว่าเรากำลังเจรจาคุยกันอยู่ เนื่องจากสัญญาของเขาเหลือกับสโมสรแค่ 2 ปี ทำให้เราต้องอยู่ในช่วงที่กำลังเจรจากันเป็นเรื่องปกติ ซาลาห์ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นนักเตะ เขามีทัศนคติที่ดีเยี่ยมให้กับทีมของเรา เรื่องของอารมณ์ และพฤติกรรมเขารักษาสิ่งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นสุดยอดมืออาชีพ ” ผู้จัดการทีมชาติเยอรมันชมลูกทีมคนเก่ง
“ ตอนนี้นักเตะทุกคนของเราล้วนแต่มีความเป็นมืออาชีพรวมถึง ซาลาห์ ด้วย พวกเขากำลังทำงานหนัก เรากำลังพูดคุยกันเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าการตัดสินใจทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมจะเป็นคนแจ้งพวกคุณเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการทำงานกันของทั้ง 2 ฝ่าย ” คล็อปป์ทิ้งท้าย
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ซาลาห์ จะขยายสัญญาออกไปอีก 2 ปี (ถึงปี 2025 ) และเขาจะได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น สัปดาห์ละ 250,000 ( ประมาณ 11.5 ล้านบาท ) ซึ่งถือว่าเป็นค่าเหนื่อยสูงเป็นสถิติใหม่ของสโมสรเลยทีเดียว
และสำหรับ ลิเวอร์พูล พวกเขาคงไม่มีข้อแม้ที่จะปล่อย ซาลาห์ ออกจากทีมแน่นอน ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงเรื่องของผลงาน ซาลาห์ อยู่ในระดับที่สูงอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันโฟกัส นั่นก็คือ เมื่อมี ซาลาห์ อยู่ในสนาม เรื่องของการสั่งงาน และอิทธิพลต่อเพื่อนผู้เล่น ซาลาห์ จะทำได้อย่างโดดเด่น นั่นคงหมายถึงความเป็นผู้นำ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่รับบทบาทเป็นกัปตันทีมก็ตาม
แต่เมื่อมี ซาลาห์ อยู่ในสนาม เพื่อนร่วมทีมทุกคนต่างก็มีความเชื่อมั่นว่า เกมรุกทางด้านริมเส้น หรือแม้กระทั่งแผงกองหน้าที่พวกเขายังคงไม่สามารถหากองหน้าตัวเป้าเข้ามายืนเพื่อที่จะจบสกอร์ได้ ซึ่งถ้าหากมี ซาลาห์ ทุกอย่างก็มีโอกาสที่พวกเขาจะเก็บชัยชนะ นั่นคือความเชื่อมั่น และอิทธิพลที่เพื่อนร่วมทีมมีให้