หากจะพูดชื่อของ โยฮัน ครัฟฟ์ ในยุคอดีตก็คงจะเปรียบเทียบกับ ลีโอเนล เมสซี หรือว่า คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ต้องบอกได้เลยว่าทุกอย่างที่อยู่ในสนาม โยฮัน ครัฟฟ์ ทำออกมาดี และทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนในยุคที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ยังเป็นนักเตะได้รับฉายาว่า “เทวดาลูกหนัง” และแน่นอนว่าทุกคนจะจดจำ โยฮัน ครัฟฟ์ ในนามของนักเตะอัศวินสีส้มทีมชาติฮอลแลนด์ หรือว่าต้นกำเนิดอย่างสโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ โยฮัน ครัฟฟ์ สร้างความยิ่งใหญ่กับยอดทีมในลีกบ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายมาประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า และกลายเป็นตำนานแห่งถิ่นคัมป์นู และแน่นอนว่าหนึ่งทีมที่มีชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องอย่าง เฟเยนูร์ด ซึ่งเป็นคู่ปรับร่วมลีกกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คือทีมสุดท้ายที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ได้แขวนสตั๊ดที่นั่น และแน่นอนว่าที่ไปที่มาจบแบบหักมุม หรือเรียกว่า โยฮัน ครัฟฟ์ ถูก อาแจกซ์ หักหลังในช่วงบั้นปลายอาชีพ
โยฮัน ครัฟฟ์ กับ อาแจกซ์ แน่นอนว่าคงไม่ใช่ อาแจ็กซ์ ที่เลือก โยฮัน ครัฟฟ์ แต่ทว่า โยฮัน ครัฟฟ์ คือผู้ที่เลือกสโมสรมากกว่า ซึ่ง โยฮัน ครัฟฟ์ ก้าวเข้าสู่ อาแจกซ์ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จนกระทั่งอายุ 12 ขวบพ่อของ โยฮัน ครัฟฟ์ เสียชีวิตและเจ้าตัวต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะสถานะทางด้านการเงินไม่ดี และ โยฮัน ครัฟฟ์ ก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน และก้าวเข้าสู่ทีมเยาวชนและฝึกซ้อมกับ อาแจ็กซ์ อย่างเต็มตัวในวัย 12 ปี จนกระทั่งอายุ 17 ปี โยฮัน ครัฟฟ์ ได้รับโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่และใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวในซีซั่นถัดมาในวัย 18 ปี โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นประตูหลักให้กับ อาแจ็กซ์ และฝากผลงาน 25 ประตู จากการลงสนาม 23 นัด และเป็นปีแรกของ โยฮัน ครัฟฟ์ ที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกดัตช์ ในรอบ 6 ปี และอีก 2 ซีซั่นต่อมา โยฮัน ครัฟฟ์ ก็พาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน หรือว่า ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นั่นก็คือปี 1971 และ โยฮัน ครัฟฟ์ ก็คว้ารางวัลบัลลงดอร์เป็นปีแรก ซึ่งในปี 1973 ก็คว้าบัลลงดอร์สมัยที่ 2 ภายใต้เสื้อของ อาแจกซ์ ซึ่งผลงานของ โยฮัน ครัฟฟ์ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่อยู่กับ อาแจกซ์ เจ้าตัวพาทีมคว้าแชมป์ลีกถึง 6 ครั้ง บอลถ้วย 4 ครั้ง และแชมป์ยุโรป ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง และบัลลงดอร์อีก 2 ครั้ง ซึ่งเรียกได้ว่า โยฮัน ครัฟฟ์ คือนักเตะที่เนรมิต อาแจกซ์ อย่างแท้จริง
จนกระทั่งในปี 1973 โยฮัน ครัฟฟ์ ย้ายออกจาก อาแจ็กซ์ เพื่อมาร่วมทัพกับ บาร์เซโลนา และแน่นอนว่าในปีแรกภายใต้เครื่องแบบในคัมป์นู โยฮัน ครัฟฟ์ ก็พา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกในรอบ 14 ปี และตลอดระยะเวลา 5 ปีที่อยู่กับ บาร์เซโลน่า โยฮัน ครัฟฟ์ ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และคว้าบัลลงดอร์อีก 1 สมัย นั่นเท่ากับว่า โยฮัน ครัฟฟ์ คือนักเตะคนแรกที่คว้าบัลลงดอร์ 3 สมัยในลีกอาชีพ และตัดสินใจย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า ไปโลดแล่นในลีกของอเมริกา ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 ปีในแถบยุโรป โยฮัน ครัฟฟ์ ก็สร้างความยิ่งใหญ่ก่อนที่จะย้ายกลับไปสู่อ้อมกอดของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 1981 ในวัย 33 ปี และ 2 ฤดูกาลที่ อาแจ็กซ์ ที่มี โยฮัน ครัฟฟ์ อยู่ในทีมพวกเขาก็คว้าแชมป์ลีกทั้ง 2 ปีติดต่อกัน
และเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในช่วงนั้น อาส เดอะมอสล์ เป็นผู้จัดการทีมพร้อมกับบอร์ดบริหารพวกเขาตัดสินใจหักหลัง โยฮัน ครัฟฟ์ โดยที่ไม่ต่อสัญญา ซึ่งในปี 1983 โยฮัน ครัฟฟ์ อยู่ในวัย 35 ปี ซึ่ง โยฮัน ครัฟฟ์ รักสโมสรแห่งนี้มากแม้กระทั่งวันสุดท้ายของการเซ็นสัญญา อาแจกซ์ ก็ไม่ได้มอบข้อเสนอให้กับ โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งพวกเขาให้เหตุผลภายหลังว่า ในวัย 35 ปี โยฮัน ครัฟฟ์ ไม่เหมาะสมที่จะรับค่าเหนื่อยหรือว่าอยู่ในฐานะนักเตะระดับ Top
ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงนับตั้งแต่เริ่มต้น โยฮัน ครัฟฟ์ คือผู้ที่เนรมิตสโมสร อาแจ็กซ์ รวมแม้กระทั่งการกลับมารอบที่ 2 ในปี 1981 หลังจากที่ออกไปโลดแล่นในยุโรป 8 ปี โยฮัน ครัฟฟ์ ก็พาทีมคว้าแชมป์ถึงในช่วงที่เขาย้ายกลับมา และผลตอบแทนที่ อาแจ็กซ์ มอบให้คือความไม่ใยดีและขับไล่ โยฮัน ครัฟฟ์ ออกจากทีมทางอ้อม
จนกระทั่ง เฟเยนูร์ด อ้าแขนรับ โยฮัน ครัฟฟ์ และแน่นอนว่าในช่วงที่เปิดซีซั่น 1983 – 1984 โยฮัน ครัฟฟ์ ในวัย 36 ปี พา เฟเยนูร์ด คว้าแชมป์ลีกในรอบ 10 ปี และเจ้าตัวยังตอกหน้า อาแจ็กซ์ และทีมบริหารพร้อมกับ อาส เดอะมอสล์ ผู้จัดการทีมในยุคนั้น ด้วยการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกดัตช์ ก่อนที่จะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัย 36 ปีกับสโมสร เฟเยนูร์ด ซึ่งเป็นสโมสรที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ลงเล่นให้เพียงแค่ 1 ปี และเป็นสโมสรสุดท้ายของ โยฮัน ครัฟฟ์ และเป็นสโมสรคู่ปรับร่วมลีกตลอดกาลกับ อาแจกซ์ สโมสรที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ปั้นมาและท้ายที่สุดก็ตอบแทนด้วยการหักหลัง