Cristiano Ronaldo กลับมาพิสูจน์ตัวเองว่ายังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม หลังจากกดแฮตทริกให้ Manchester United เอาชนะ Tottenham Hotspur 3-2 ประตู
เป็นการยิงแฮตทริกครั้งที่ 59 ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา (49 ครั้งในระดับสโมสร 10 ครั้งในระดับทีมชาติ)
แต่ถึงอย่างนั้นกองหน้าวัย 37 ก็ถูกวิจารณ์มาอย่างหนักหน่วงตลอดฤดูกาล ถึงจะทำแฮตทริกได้ก็ใช่ว่าจะสยบเสียงวิจารณ์ได้ทั้งหมด
คนรักทำยังไงก็รัก ส่วนคนไม่รักก็อาจจะเงียบหน่อยถ้าเกิดว่า Cristiano Ronaldo เกิดโชว์ฟอร์มเข้าฝักขึ้นมา แต่ถ้าช่วงไหนไม่เอาอ่าวก็จะโดนถล่มจมธรณีได้เหมือนกัน
แต่คำถามที่มักจะตั้งถูกตั้งขึ้นมาเสมอก็คือ “ผีแดง” เล่นได้ดีกว่าเมื่อไม่มี Ronaldo อยู่ในทีมเป็นจริงหรือไม่
ถ้าคำตอบจาก 2 เกมในลีกไม่น่าจะเป็นจริง
กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสไม่มีชื่อลงเล่นในเกมดาร์บี้ แมตช์ของเมือง Manchester ปรากฏว่า “ผีแดง” พ่ายไปแบบไม่มีรู้สู้
แต่เกมลีกนัดต่อมา Ronaldo ทำแฮตทริกได้สำเร็จ และเป็นการกลับมาทำแฮตทริกในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 14 ปีกับอีก 59 วัน
“Manchester United จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไม่มี Cristiano Ronaldo ลงเล่น ผมคิดว่าเลิกพูดไปจะดีกว่า เพราะมันไม่เป็นความจริงเลย” Rio Ferdinand อดีตปราการหลังของ “ผีแดง” แสดงความเห็น
Ferdinand เชื่อว่าคำพูดที่ถูกต้องก็คือ Ronaldo คือผู้เล่นที่สามารถใช้การเล่นไม่กี่จังหวะพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้
“ผมคิดว่าถ้าเราไม่มีเขาป่านนี้ก็อาจจะไม่ได้เข้ารอบ Champions League มาด้วยซ้ำไป”
กองหน้าวัย 37 ลงเล่นอย่างหิวกระหายความสำเร็จเสมอ สภาพร่างกายที่ฟิตเต็มที่ หัวใจที่แสนฮึกเหิมเป็นสิ่งที่ปลุกเร้าให้เพื่อนร่วมทีมต้องเล่นอย่างถวายชีวิตตามไปด้วย
“เขาแสดงให้เราเห็นมาแล้วหลายปี กับการเล่นให้สโมสรอื่นด้วยเช่นกัน และเมื่อเขากลับมาอยู่กับเราอีกครั้งก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย”
ต้องยอมรับว่าแม้ Rio Ferdinand จะวิจารณ์ฟอร์มการเล่นของนักเตะหลายคนในทีม “ผีแดง” แต่มักจะ “อ่อนโยน” กับอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาเสมอ
คำตอบก็คือผลงานในสนาม
การกลับมาร่วมทีมอีกครั้งในฤดูกาลนี้ Ronaldo ลงเล่น 32 นัดยิงได้ 18 ประตูกับ 3 แอสซิสต์
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่ากองหน้าวัย 37 จะเป็นที่ปลื้มของทุกคน
คนหนึ่งในนั้นก็คือ Sadio Mane กองหน้าทีมชาติเซเนกัลของ Liverpool
แต่ Mane ยืนยันว่าพูดถึงในฐานะนักฟุตบอลอาชีพโดยเฉพาะเป็นกองหน้าด้วยกัน กัปตันทีมชาติโปรตุเกสเป็นสุดยอดกองหน้าคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าเขามีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันมากกว่า
ซูเปอร์สตาร์ของ “ผีแดง” ชอบเป็นที่สนใจของผู้คนของแฟนบอล เขามีอินสตาแกรมที่มีคนติดตามมหาศาล และมักจะอวดภาพที่ถ่ายไว้ หรือแสดงความเห็นแบบเผ็ดร้อนในไอจีส่วนตัวอยู่เสมอ และทำให้เขาได้รับความนิยมมาก และมีรายได้จากสินค้าที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์มากมาย
“แต่ผมไม่ค่อยชอบที่กลายเป็นจุดสนใจของคนอื่นตลอดเวลาเช่นนั้น แต่ก็เข้าใจได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลยุคนี้ ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญและขายได้”
ในแนวรุกของ “หงส์แดง” นั้น Mane ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ออกจะเงียบๆ กว่าเพื่อน ไม่ค่อยชอบออกสังคม ไม่ชอบออกความเห็นอะไรมากนัก
“บางทีผมก็รู้ว่าตัวเองชอบจะทำตัวเหินห่างกับคนอื่นอยู่สักหน่อย แต่ผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองในเรื่องนี้หรอก”
Mane เกิดจากครอบครัวยากจนในเมืองเล็กๆ ใน Casamance แม้ต่อมาจะกลายเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง แต่เขาก็คิดว่าตัวเองไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก เขารักที่จะเล่นฟุตบอล ทำหน้าที่ในสนามให้ดี แต่เรื่องการเป็น “ซูเปอร์สตาร์” เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยนึกถึงเลย
มีคนถามเขาเสมอว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นที่รู้จักเหมือน Ronaldo หรือ Neymar บ้างไหม แต่คำตอบที่ได้ก็คือไม่
“ผมนับถือเขาทั้งสองคน แต่ก็ไม่ต้องการใช้ชีวิตแบบนั้น อย่างมากผมก็แค่ติดตามทั้งสองคนในโซเชียลมีเดียบ้าง ก็เท่านั้นเอง”
Sadio Mane ยอมรับว่าเขาหลงใหลชีวิตอันเรียบง่ายแสนธรรมดาของตัวเอง
“พวกนักเตะซูเปอร์สตาร์มีชีวิตที่ไม่ธรรมดา พวกเขามีสีสัน มีความน่าสนใจ แต่ชีวิตแบบนั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อให้เหมาะกับผู้เล่นอย่างผมหรอก”
แม้แต่การแสดงความรู้สึกอะไรออกไปก็มีความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ตอนที่ Mane ได้แชมป์ AFCON ด้วยการดวลจุดโทษเอาชนะ Egypt ที่มี Mohamed Salah เป็นกำลังสำคัญ เขาก็ไม่ได้พูดปลอบใจอะไรมากมายกับกองหน้าคู่ขาในทีม “หงส์แดง”
“ผมรู้ว่าเขาเสียใจ แต่ก็ไม่ได้พูดปลอบอะไรเขา และคิดว่า Salah ก็คงทำอย่างเดียวกับผมเหมือนกันหากว่า Egypt ได้แชมป์”
คำพูดสั้นๆ ที่ Mane บอกกับ Salah ว่าจงอย่ายอมแพ้
เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครจริงๆ