สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าได้ทำการสำรวจลีกชั้นนำของโลกที่ใช้จ่ายเงินในการซื้อนักเตะก่อนตลาดซื้อขายนักเตะปิดลงเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ปราฎว่าพรีเมียร์ลีกครองอันดับ 1 มียอดจ่ายเงินซื้อนักเตะใหม่รวมกันเป็นเงินจำนวนถึง 1.15 พันล้านปอนด์
ในขณะที่อันดับสองคือกัลโช เซเรียอา ของอิตาลี ใช้จ่ายเงินซื้อนักเตะใหม่ไปเป็นเงินเพียง 473.8 ล้านปอนด์ ซึ่งห่างกันมากกว่าเท่าตัว ในขณะที่อันดับ 3 คือลีกเอิงของฝรั่งเศสจ่ายเงินซื้อนักเตะเป็นจำนวนรวมกันอยู่ที่ 428.9 ล้านปอนด์ อันดับ 4 คือบุนเดสลีกา 337.9 ล้านปอนด์ และอันดับ 5 คือลา ลีกาของสเปน 325.4 ล้านปอนด์
จึงไม่แปลกที่ “พรีเมียร์ลีก” จะกลายเป็น “ออลสตาร์ลีก” ที่รวมนักเตะเวิลด์คลาสไว้มากที่สุด
และหากจะคัดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกในขณะนี้ล่ะ มีใครที่ควรจะติดอยู่ในทีมบ้าง
ผู้รักษาประตู-อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล)
ฤดูกาลที่แล้วฟอร์มของนายทวารทีมชาติบราซิลอาจดูแกว่งไปบ้าง แต่ฤดูกาลนี้เมื่อทีมได้นักเตะตัวหลักกลับมาครบแล้ว รวมถึงได้เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มายืนเป็นหัวใจหลักในแนวรับด้วย ทำให้อลิสซอนน่าจะกลับมาพีกได้อีกครั้ง
แบ็กขวา-เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)
ในทีมชาติอังกฤษในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกสัปดาห์ที่ผ่านมา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ถูกดันขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ แต่ตำแหน่งถนัดของเขาก็คือแบ็กขวา เมื่อเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักกลับมาแล้ว ทำให้ฟูลแบ็กอย่างเขาสามารถเติมเกมรุกได้ถนัด และเป็นอาวุธลับของ “หงส์แดง” แน่นอน
เซนเตอร์แบ็ก-ราฟาเอล วาราน (แมนฯยู)
ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสเปิดตัวลงเล่นนัดแรกกับแมนฯยูในนัดบุกเอาชนะวูล์ฟส์ ไม่เพียงแต่คุมเกมรับได้มั่นคงเท่านั้น ยังขึ้นไปเสริมเกมบุกได้อย่างเหมาะเหม็งอีกด้วย เชื่อว่าคุ้มค่าตัวแน่นอน
เซนเตอร์แบ็ก-เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (ลิเวอร์พูล)
ปราการหลังชาวดัตช์หายบาดเจ็บกลับมาและรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองไว้ได้เหมือนเดิม แทบไม่พลาดเลยในเกมรับ และยังวางบอลได้แม่นยำ ยิงไกลได้เฉียบคมอีกต่างหาก
แบ็กซ้าย-ลุค ชอว์ (แมนฯยู)
เมื่อไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ในตำแหน่งแบ็กซ้ายไม่มีใครโดดเด่นทั้งรุกและรับมากไปกว่าแบ็กซ้ายของ “ผีแดง” อีกแล้ว และผลงานในยูโร 2020 ก็เด่นเตะตาจริงๆ
มิดฟิลด์-เอ็นโกโล ก็องเต้ (เชลซี)
ถ้าพูดถึงผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัดเกม เป็นผึ้งงานที่ทุ่มเทเพื่อทีมไม่มีใครกินก็องเต้ได้อย่างแน่นอน เป็นกองกลางที่ใครก็อยากยืนเป็นคู่ขาด้วย
มิดฟิลด์-เควิน เดอบรอยน์ (แมนฯซิตี้)
ถ้าพูดถึงกองกลางที่เป็นจอมทัพอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีกไม่มีใครเด่นเกินกว่าเดอบรอยน์อีกแล้ว “เรือใบสีฟ้า” จะเล่นเกมรุกได้ไหลลื่นก็เมื่อกองกลางทีมชาติเบลเยียมลงเล่นในสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ จะได้เห็นทั้งการผ่านบอล การแอสซิสต์ และการสอดเข้าทำประตูด้วยตัวเอง ครบเครื่องจริงๆ
มิดฟิลด์-บรูโน เฟอร์นานเดส (แมนฯยู)
เฟอร์นานเดส อาจจะไม่ใช่กองกลางที่ทำเกมได้เด่นเท่าเดอบรอยน์ แต่จุดแข็งก็คือการเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม และสอดตัวเองเข้าไปลุ้นทำประตูได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา น่าจะเป็นอีกฤดูกาลที่เฟอร์นานเดสจะเป็นทีเด็ดของ “ผีแดง”
ปีกขวา-โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
ในตำแหน่งกองหน้าตัวริมเส้นด้านขวาในช่วงสอง-สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครเหนือกว่าซาลาห์อย่างแน่นอน ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ยิงประตูได้ต่อเนื่องในตำแหน่งนี้ และน่าจะมีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกอีกสมัย
ปีกซ้าย-คริสเตียโน โรนัลโด้ (แมนฯยู)
แม้จะเล่นในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้ามานานหลายปี แต่โรนัลโด้สามารถเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง แต่ในตำแหน่งกองหน้าด้านซ้ายอาจจะเป็นตำแหน่งที่โรนัลโด้มีอิสระในการเล่นและทำประตูมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
กองหน้า-แฮร์รี เคน (สเปอร์ส)
เมื่อเคนตัดสินใจอยู่กับ “ไก่เดือยทอง” ต่อไป ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าเบอร์ 1 ก็คงเป็นของกัปตันทีมชาติอังกฤษต่อไปเหมือนเดิม จุดแข็งของเคนไม่ได้อยู่ที่ผลงานทำประตูเท่านั้น แต่การลงมาล้วงบอลต่ำแล้วคอยจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมสอดขึ้นทำประตูยังเป็นทีเด็ดเหมือนเดิม
