สำหรับใน ซีซั่น 2021 – 22 สื่อที่อยู่ตรงข้ามกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต่างก็ออกมาประโคมข่าวพูดถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่อดีตเคยเป็นกองหน้าตัวหลัก และในปีนี้เจ้าตัวไม่ได้รับโอกาสลงสนามถึงขั้นประโคมข่าวว่า กองหน้าชาวบราซิลตกกระป๋อง และกำลังถูกดองอยู่ที่ม้านั่งสำรอง แต่สำหรับในมุมมองของแฟนบอลลิเวอร์พูล โดยเฉพาะนายใหญ่ เยอร์เกน คล็อปป์ ที่ได้ออกมาพูดถึง ฟีร์มิโน่ ทุกครั้งที่มีการตั้งคำถาม คล็อปป์ จะชื่นชมกองหน้าชาวบราซิลในวัย 30 ปีของทีมเสมอว่าเป็นมืออาชีพ และ ฟีร์มิโน่ คือนักเตะที่ทีมต้องการทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม
ฟีร์มิโน่ ย้ายเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ ในซีซั่น 2015 และแน่นอนว่าด้วยวัย 23 ปี และเป็นนักเตะที่มีเลือดแซมบ้าอยู่เต็มตัว ฟีร์มิโน่ ก็ไม่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลต้องผิดหวัง ถึงแม้ว่า ฟีร์มิโน่ จะไม่ใช่กองหน้าที่ยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำก็ตาม แต่สำหรับ 3 ประสานในถิ่นแอนฟิลด์ ที่ประกอบไปด้วย ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ถูกยกว่าเป็น 3 ประสานที่ดีแห่งยุคในช่วงที่พวกเขาเล่นเข้าขากัน โดยเฉพาะในซีซั่น 2018 – 19 ที่ ลิเวอร์พูล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และตามมาด้วยปี 2019 – 20 กับการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลังจากที่รอคอยมา 30 ปี
สำหรับในซีซั่นปัจจุบันนี้ แน่นอนว่า ฟีร์มิโน่ ในวัย 30 ปีต่างก็โรยราด้วยอายุที่มากขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้เล่นดาวรุ่งและตัวเลือกที่ลงสนามก็คงจะไม่ใช่ ฟีร์มิโน่ อีกต่อไปที่ลงเป็นกองหน้าตัวหลัก แต่สำหรับ คล็อปป์ แล้ว ฟีร์มิโน่ คือนักเตะที่ คล็อปป์ จะใช้บริการเสมอเมื่อยามจำเป็น และ ฟีร์มิโน่ ก็ไม่เคยทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล และ คล็อปป์ ต้องผิดหวัง
ก็อย่างที่บอกว่าแฟนบอลฝั่งตรงข้ามอาจจะมองว่า ฟีร์มิโน่ ตกกระป๋อง แต่สำหรับ คล็อปป์ เขายังเป็นนักเตะที่ไว้ใจได้เสมอและไม่เคยทำให้ คล็อปป์ ต้องหนักใจ ถึงแม้ว่าจะถูกจับเป็นตัวสำรองในฤดูกาลนี้ ซึ่ง ฟีร์มิโน่ ยิงประตูไปทั้งหมด 11 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 30 นัด รวมทุกรายการ นี่ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก สำหรับนักเตะที่ได้รับโอกาสลงสนามน้อยในฤดูกาลนี้อย่าง ฟีร์มิโน่
และประตูสำคัญที่ ฟีร์มิโน่ ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือนั่นก็คือทุกครั้งที่เขาลงสนามอย่างเช่นเกมที่เอาชนะวัตฟอร์ด ฟีร์มิโน่ ยิงเข้ากรอบ 3 ครั้ง และนั่นก็คือประตูทั้ง 3 ลูก และ ฟีร์มิโน่ ยังลงเล่นในถ้วยใหญ่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในเกมที่เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 0 – 1 ซึ่งก็ลงสนามเป็นตัวสำรอง และ 1 ลูกที่ส่งชื่อขึ้นสู่สกอร์บอร์ดก็เป็นของ ฟีร์มิโน่ และในเกมที่บีบหัวใจแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแฟนบอลลิเวอร์พูล ฟีร์มิโน่ ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมที่เอาชนะ อาร์เซนอล และ ยิงประตูลูกสุดท้ายพา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไล่บี้จ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือเพียงแค่ 1 คะแนน
และผลงานยิงรวมในถ้วยใหญ่ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ที่เป็นสถิติของสโมสรลิเวอร์พูล ฟีร์มิโน่ ก็ยิงไปถึง 20 ลูก จัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 4 ของรายชื่อนักเตะจากอดีตจนถึงปัจจุบันของลิเวอร์พูล ซึ่งเชื่อได้เลยว่ากับสัญญาที่เหลืออีกถึงปี 2023 ฟีร์มิโน่ จะยังคงสร้างสรรค์ผลงานไม่ว่าจะอยู่ในฐานะตัวสำรองหรือว่าตัวหลักหรือไม่ ให้กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ด้วยทัศนคติของ ฟีร์มิโน่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ตาม เขาพร้อมที่จะลงสนามช่วยทีมเสมอ