คัลลัม ฮัดสัน โอดอย ที่ในปี 2022 เจ้าตัวกำลังจะย่างเข้าสู่วัย 22 ปีอย่างเต็มตัว และแน่นอนว่า ถ้าหากพูดถึงชื่อของ โอดอย แฟนของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี คงจะมีความสุขแน่นอน หลังจากที่พวกเขาได้เห็นพัฒนาการของ โอดอย ในฤดูกาลนี้อย่างเต็มตัว ซึ่ง โอดอย คือนักเตะที่ได้รับโอกาสนับตั้งแต่ที่ โธมัส ทูเคิล ก้าวเข้ามาคุมทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี หลังจากที่ “เสี่ยหมี” สั่งปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด อย่างกะทันหัน และนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา โอดอย ก็ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งหลักให้กับ เชลซี และแน่นอนว่า โอดอย ในยุคของ ทูเคิล เขาไม่ใช่กองหน้าตัวเป้าที่คอยลงล่าตาข่าย แต่เขาคือผู้เล่นอเนกประสงค์ที่ ทูเคิล ใช้บริการเพื่อซับพอร์ตเกมรุกของ เชลซี ในปัจจุบันนี้
โอดอย เป็นเด็กปั้นอะคาเดมี่ เชลซี ตั้งแต่เป็นเด็ก และการพัฒนาของ โอดอย เกี่ยวกับเรื่องฝีเท้าก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องชัดเจนขึ้นทุก ๆ ปี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการทีมคนไหน ที่ก้าวเข้ามาคุมทัพ เชลซี พวกเขาต่างก็โฟกัสที่ฝีเท้าของ โอดอย แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ แล้วลากมาถึงยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จนกระทั่งในยุคของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นผู้จัดการทีม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมือ 3 ผู้จัดการทีมที่กล่าวมา โอดอย มีโอกาสลงสนามเพียงแค่ 14 เกมเท่านั้น
หรือเรียกได้ว่า โอดอย คือกองหน้าตัวเป้าหรือว่านักเตะที่ถูกจับตามองจากวงการลูกหนัง และอีก 1 นัยยะสำคัญ เชลซี ไม่ต้องการที่จะปล่อย โอดอย ออกจากทีม แต่ก็ไม่ได้ให้โอกาสลงสนาม ซึ่งนับตั้งแต่ที่ โอดอย เป็นเยาวชนของ เชลซี จนก้าวเข้าสู่ยุคของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เรียกได้ว่าถูกแช่แข็งฝีเท้ามาตลอด ถึงแม้ว่าจะได้รับโอกาส แต่นั่นก็เพียงแค่บางเกมที่ผู้จัดการทีมให้โอกาส โอดอย ขึ้นมาแก้ขัด โดยที่ไม่ได้คาดหวังกับการพัฒนาฝีเท้าในทีม
จนกระทั่งในวันที่ 25 มกราคม 2021 บอร์ดบริหาร เชลซี ก็ตัดสินใจแถลงการณ์ปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด ฟ้าผ่าโดยที่ไม่ให้โอกาสแก้ตัว และได้เซ็นสัญญา โธมัส ทูเคิล อดีตผู้จัดการทีมมือทองของสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่เจ้าตัวไม่ได้รับการต่อสัญญาจาก “เปแอสเช” เข้ามาคุมทัพทันที
และแน่นอนว่า ทูเคิล ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจกับเรื่องฝีมือการคุมทัพอยู่แล้ว เพราะอยู่ในคลาสของผู้จัดการทีมระดับแถวหน้าของวงการลูกหนัง ซึ่งเกมแรกที่ ทูเคิล คุมทัพในฐานะผู้จัดการทีม เชลซี พวกเขาเสมอกับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน 0 – 0 และแน่นอนว่า โอดอย คือ 1 ใน 11 ผู้เล่นตัวจริง
แต่ทว่า โอดอย ไม่ได้ยืนในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า แต่ โอดอย ได้เล่นในตำแหน่งฟลูแบ็ค และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ โอดอย ไม่ได้ปฏิเสธกับการยืนตำแหน่งในครั้งนี้ ซึ่งผลงานของ โอดอย ในเกมนี้ เจ้าตัวทำได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ จนทำให้จบเกมการแข่งขัน โอดอย ถูกประกาศชื่อคือ แมน ออฟ เดอะแมตช์ ประจำเกมที่เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0 – 0 และเป็นเกมเเรกของ โธมัส ทูเคิล ที่คุมทัพ เชลซี และได้ใส่ชื่อ โอดอย เข้าไปอยู่ใน 11 ผู้เล่นตัวจริง ในตำแหน่ง (ฟลูแบ็ค)
และนับตั้งแต่เกมแรกของ ทูเคิล ที่คุมทัพ เชลซี เจ้าตัวก็ไว้ใจให้ โอดอย ลงสนามในตำแหน่งฟลูแบ็คซึ่งลากยาวจนมาถึงในซีซั่นนี้ โอดอย จึงกลายเป็นแข้งอเนกประสงค์ของ ทูเคิล ที่ให้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง หรือเรียกได้ว่า ทูเคิ่ล คือผู้จัดการทีม ที่จับโอดอย ออกจากช่องแช่แข็งของสโมสร เชลซี แล้วมาละลายน้ำ พร้อมกับพัฒนาฝีเท้าในตำแหน่งฟูลแบ็ค จนในปัจจุบันนี้ โอดอย คือผู้เล่นตัวหลักภายใต้แผนการนำทัพของ ทูเคิล