ภายหลังเหตุการณ์ที่ช็อคโลกลูกหนัง วันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 เวลา 5 ทุ่ม 35 นาที เวลาประเทศไทย “เสือเตี้ย” ดิเอโก้ มาราโดน่า เกิดอาการหัวใจวายและล้มวูบลงไปในบริเวณบ้านพัก ก่อนจะถูกหามตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งต่อมาสมาคุมฟุตบอลอาร์เจนติน่าได้แถลงการณ์ให้การจากไปของชายผู้ดั่งพระเจ้าของชาวอาร์เจนไตน์ เราพามาย้อนดูโมเมนต์สำคัญตลอดชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัว เพื่อเป็นการให้เกียรติและระลึกถึงดาวเตะระดับตำนานผู้นี้
1.พาอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกชุดเยาวชน 1979
อายุไม่ใช่ปัญหาสำหรับเสือเตื้ย ก่อนที่เขาจะประเดิมสนามให้กับฟ้าขาวชุดใหญ่ ทัวร์นาเมนต์หนึ่งที่ทำให้เขาได้รับการจับตามองคือ ชิงแชมป์เยาวชนโลกในปี 1979 เขาติดทีม U-20 ของฟ้าขาวด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น
อาร์เจนติน่าผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยการไล่ถลุงอินโดนีเซีย (5-0) ชนะโปแลนด์(1-4) และเอาชนะยูโกสลาเวีย (1-0) ต่อมาในรอบ 16 ทีมก็ถลุงแอลจีเรีย(5-0) รอบ8ทีมตบอุรุกวัยคู่ปรับ(2-0) ผ่านเข้าไปพบกับสหภาพโซเวียตในนัดชิงชนะเลิศ ก่อนที่จะเป็นฟ้าขาวเอาชนะไปได้ 3-1 และตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ มาราโดน่ายิงได้ทั้งสิ้น 3 ประตู พร้อมกับคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ไปครอง
2.ดับเบิ้ลแชมป์ประวัติศาสตร์ของนาโปลีปี 1987
สถานะของมาราโดน่าที่เมืองเนเปิ้ลส์เป็นเหมือนกับที่อาร์เจนติน่า เขาถูกยกย่องเป็นดั่งพระเจ้าของชาวเมืองแห่งนี้ หนึ่งในเหตุผลที่เขาถูกให้ความเคารพนั่นคือการยกระดับนาโปลี ซึ่งก่อนหน้านั้นนาโปลีทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ อันดับ 8,อันดับ 3 และไม่เคยผ่านได้ลึกกว่ารอบ 16 ทีมในโคปา อิตาเลียได้เลย
แต่พอมาในฤดูกาล 1986/87 เสือเตี้ยเข้ามาร่วมทีมและยกระดับทีมได้ทันที เขาพานาโปลีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้ใครเลยใน 12 เกมแรกของเซเรียอา ชนะทั้งโรม่าและยูเวนตุส จบฤดูกาล 30 นัดพวกเขามี 42 คะแนน (ชนะ15 เสมอ12 แพ้3)คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกของสโมสร ปีนั้นมาราโดนายิงได้ 10 ประตู ส่วนในบอลถ้วย พวกเขาเข้าชิงกับอตาลันตา ก่อนจะสามารถชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 4-0 (เหย้าชนะ 3-0 , เยือนชนะ 1-0) งานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองเนเปิ้ลส์จึงเริ่มขึ้น
*หมายเหตุ สมัยก่อนชนะได้ 2 คะแนน เสมอได้ 1 คะแนน
3.คว้าแชม์โลก 1986
ฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ ฟ้าขาวอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับ อิตาลี , บัลแกเรีย และเกาหลีใต้ พวกเขาเปิดหัวเอาชนะเกาหลีใต้ (3-1) เสมออิตาลี(1-1) และชนะบัลแกเรีย(2-1) ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมไปปราบอุรุกวัยได้(1-0) จนกระทั่งรอบ 8 ทีมสุดท้าย ดิเอโก้ มาราโดน่า ทำประตูที่เป็นประวัติศาสตร์ได้ 2 ประตู ประหนึ่งแรกคือ “หัตถ์พระเจ้า” เขาใช้มือชกบอลผ่าน ปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปส่วนอีกประตูเขาลากผ่านผู้เล่นอังกฤษ 6 คนก่อนจะแตะหลบชิลตันซัดเข้าไป ถูกยกย่องให้เป็นประตูที่สวยที่สุดลูกหนึ่งเลยในโลกฟุตบอล
รอบรองชนะเลิศพวกเขาเอาชนะเบลเยี่ยม(2-0) ผ่านเข้าไปชิงกับเยอรมันตะวันตกก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะไปได้ 3-2 ซึ่งตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์นั้น มาราโดนายิงได้ 5 ประตู เป็นรองดาวซัลโว(ดาวซัลโวคือ แกรี่ ลินิเกอร์ 6 ประตู) คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลกไปครอง