ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ มีฟอร์มที่โดดเด่นตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ทำให้ทีมเยาวชนของ ซีเอสเคเอ โซเฟีย สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในประเทศบัลแกเรีย จึงรีบจับเขามาเซ็นต์สัญญาอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในฤดูกาล 1998-99 ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยของบัลแกเรีย มาครองด้วยสถิติ 9 ประตูจาก 11 นัดที่ลงเล่น
การแจ้งเกิดของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ภายใต้ทีม “ไก่เดือยทอง”
หลังจาก ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โชว์ฟอร์มดีตั้งแต่เด็ก ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน มองเห็นแววของเขา จึงได้หยิบเข้าไปร่วมทีมแต่ฟอร์มการเล่นของเขาไม่ดีเท่าใด จนเมื่อได้ย้ายไปยัง ท็อทแนมท็อทสเปอร์ส ดูเหมือนว่าเขาจะเหมาะกับลีกอังกฤษ แห่งนี้อย่างมาก ด้วยการประสานการเล่นกับกองหน้าอย่าง ร็อบบี คีน เขาสามารถคว้านักเตะยอดเยี่ยมของทีมในปี 2007 เลยทีเดียว
จุดพีคของกองหน้าจอมขี้เกียจ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เมื่อสวมเสื้อทีม แมนยู
แม้ว่าเขาประสบความสำเร็จกับ ท็อทแนม ท็อทสเปอร์ส อยู่พอสมควร แต่ช่วงที่พีคที่สุดของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ คงต้องยกให้เมื่อเขามาย้ายมาใส่สีเสื้อ แมนยู ฯ ไนเต็ด โดย “ป๋าเฟอร์กี้” อเล็กส์ เฟอร์กูสัน ดูจะชอบหนุ่มจากบัลแกเรีย คนนี้มาก ให้โอกาสเขาได้ลงหลายนัด เนื่องจากในช่วงนั้น คารอส เตเบส ยังคงเจ็บหนักอยู่นั่นเอง
ในช่วงแรกเขาอาจจะไม่ได้โฟชว์ฟอร์มที่โดดเด่นให้แฟนบอลได้เชื่อมั่น จนมาในฤดูกาล 2010-2011 หัวหอกหมายเลข 9 คนนี้ระเบิดฟอร์มเก่ง ด้วยความขยันซ้อมและสามารถทำ 3 ประตูในเกมชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 ทำให้เขาก้าวขึ้นมาสุดยอดนักเตะที่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอล “ปีศาจแดง” เรียบร้อย เพราะ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 2 สมัย เลยทีเดียว
ที่มาของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นักฟุตบอลที่ขี้เกียจที่สุด
หากคุณเป็นแฟนบอลทีม สเปอร์ส หรือ แมนยู ฯ มาตั้งแต่ยุค 90 หลายท่ายน่าจะเคยได้ยินฉายา “จอมขี้เกียจ” อย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โดยเฉพาะในช่วงที่เขาย้ายมา แมนยู ในปี 2008 สไตล์การเล่นของเขาไม่เหมือนใคร เพราะเขาไม่ไช่กองหน้าจอมวิ่งจอมลากเลื้อย แต่จะแอบเดินหรือเคลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับลูกส่งมากกว่า แฟนบอลหลายคนพูดว่าเขาคือนักเตะสุดขี้เกียจที่ไม่น่าซื้อมา แต่เขาก็ไม่ได้สนคำวิจารณ์นี้พร้อมสร้างผลงานที่สุดยอด เขามักจะบอกเสมอว่า “เขาแค่อยากจะเคลื่อนไหวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น” ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปทั่วแบบที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ขอเพียงแค่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ได้ทัชบอลครั้งเดียว รับประกันว่าจะกลายเป็นผลประตูให้กับทีมแน่นอน