Virgil Van Dijk เผยว่า เมื่อตนเองอายุ 20 ปี ได้พบกับประสบการณ์ที่ทำให้ตนต้องเกือบตาย.
ตอนนั้นในปี 2012 Van Dijk เพิ่งได้รับสัญญานักเตะอาชีพกับ Groningen ในลีกสก็อตแลนด์ได้ไม่ถึง 1 ปี ยังไม่มีใครคาดคิดว่า Van Dijk จะประสบความสำเร็จในการค้าแข้งได้ถึงเพียงนี้.
วันหนึ่ง Van Dijk มีอาการป่วย จนคุณแม่ของเขาได้เดินทางไปเยี่ยมที่สโมสร Groningen และพา Van Dijk ไปยังโรงพยาบาล.
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว แพทย์ได้วินิจฉัยอาการของ Van Dijk ซึ่งเป็นอาการที่หนักมาก ทั้งไส้ติ่งอักเสบ, เยื่อบุช่องท้องอักเสบ รวมไปถึงภาวะติดเชื้อในไตด้วย.
แพทย์ได้ตัดสินใจทำการผ่าตัดฉุกเฉินทันที ความเป็นและความตายของ Van Dijk เรียกได้ว่า มีค่าเท่ากัน ถึงขั้นที่เขาต้องเขียนพินัยกรรมให้กับคุณแม่ไว้เลย.
“ช่วงเวลานั้น มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผมจริง ๆ” Van Dijk เผย.
“ผมทำอะไรไม่ได้เลย นอนเป็นผักอย่างเดียว และสิ่งเดียวที่ผมเห็นคือ หลอดและสายยางที่ห้อยระโยงระยางออกมาจากตัวผม เต็มไปหมด”
“ผมได้ยินเสียงคุณแม่สวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า พวกเราได้พูดคุยถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ที่มันจะเกิดได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าผมตายนั่นแหละ”
“ผมลงนามในเอกสารบางอย่าง มันคือพินัยกรรม ถ้าผมต้องตาย เงินจำนวนหนึ่งจะกลายเป็นของคุณแม่ของผม ไม่มีใครอยากพูดถึงมันนักหรอก แต่สถานการณ์ในตอนนั้น มันคือเรื่องจำเป็น”
หลังจากที่ Van Dijk เข้ารับการผ่าตัด เขาต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 ปี และนั่นก็ถือเป็นบททดสอบความแกร่งของเขาเช่นกัน.
เมื่อ Van Dijk กลับมาลงเล่นในสนามได้ตามปกติ เขาปรับตัวและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว กลับมาพร้อมกับความตั้งใจครั้งใหม่ในฤดูกาล 2012-2013 ไม่นานนัก เขาก็กลายเป็นนักเตะที่มีข่าวเชื่อมโยงกับทีมอื่นทันที.
Van Dijk เคยถูกเสนอชื่อให้กับสโมสร Ajax แต่กลับกลายเป็น Glasgow Celtic ที่คว้าตัวเขาไปได้ในปี 2013.
แม้แต่ Neil Lennon ยังเคยเผยออกจากปากตนเอง เมื่อเห็น Van Dijk ในตอนนั้นไว้ว่า ” Van Dijk มีคุณสมบัติเพียบพร้อมในด้านกายภาพครบทุกประการ”
“เขาคือ Rio Ferdinand คนต่อไปแห่งวงการลูกหนัง แต่ Van Dijk จะเหนือกว่า”
โคตรแกร่งเลย…พี่เบิ้ม แม้แต่ยมทูตก็ไม่สามารถทำอะไรความแกร่งของพี่เบิ้มได้เลย สุดจริงครับ