หลังจากที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ หลังจากที่ต้องรอคอยกันนานนับ 30 ปี ความปลื้มปิติยินดีไม่ได้มีแต่เฉพาะสาวกเดอะ ค็อป เท่านั้น แต่หากมั่นยังมีในหัวใจของชาวญี่ปุ่นที่ไม่ใช่แฟนหงส์แดงอีกด้วย นั่นก็เพราะว่ามีนักเตะเลือดซามูไรอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ อยู่ในทีมด้วยนั่นเอง ซึ่ง มินามิโนะ ไม่ใช่แข้งแรกที่ได้เหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก ยังมี อีก 2 คนที่ได้ก่อนหน้าเขา เราไปดูดีกว่าว่ามีใรบ้าง
ชินจิ คากาวะ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มิดฟิลด์ตัวรุกที่มีความคล่องตัวสูงย้ายจาก เซเรโซ่ โอซาก้า ไปอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่น 2010/12 ลงเล่นไป 49 นัด ซัดไป 21 ประตู จนในที่สุด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าตัวมาสู่โรงละครแห่งความฝันและได้ลุยในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2012/13 ฟอร์มของ คากาวะ ในฤดูกาลแรกกับลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ถือว่าสอบผ่าน ลงเล่นไป 20 นัด ทำไป 6 ประตู และสร้างประวัติศาสตร์เป็นแข้งญี่ปุ่นคนแรกที่ได้เหรียญพรีเมียร์ลีกมาครอง แต่หลังจากนั้นในซีซั่น 2013/14 เซอร์ อเล็กซ์ ประกาศยุติการคุมทีม และทัพปีศาจแดงก็เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็น เดวิด มอยส์ และนั่นส่งผลกระทบโดยตรงกับ คากาวะ เพราะเขาไม่ได้รับความไว้ใจให้โอกาสลงสนามมากเท่าที่ควร ซีซั่นนั้นได้ลงเพียง 18 เกมเท่านั้น จนมาถึงซีซั่น 2014/15 มอยส์ ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง และถูกปลดจากตำแหน่ง โดยคนมารับงานผู้จัดการทัพปีศาจแดงคนใหม่ก็คือ หลุยส์ ฟาน กัล นั่นยิ่งทำให้โอกาสลงสนามของ คากาวะ ยิ่งหมดไป เนื่องจากไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม สุดท้ายเขาถูกปล่อยตัวกลับทีมเก่าสู่ทัพเสือเหลืองอีกครั้ง และที่ดอร์ทมุนด์ คากาวะ เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาได้ 5 ซีซั่น ลงสนามไป 99 นัด ยิงได้ 20 ประตู โดยสัญญาเพิ่งจะหมดลงในปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ไปค้าแข้งกับ รีล ซาราโกซ่า ในประเทศสเปน
ชินจิ โอกาซากิ กับ เลสเตอร์ ซิตี้
50 ประตูในนามทีมชาติ เขาคือสุดยอดดาวยิงอันดับ 3 ของทัพซามูไรบลูส์ เริ่มเส้นทางสายลูกหนังกับ ชิมิซุ เอส-พัลส์ ในซีซั่น 2005-10 ตลอด 5 ปี ที่นั่นลงสนามไป 121 นัด ซัดไป 42 ประตู จากนั้นได้โอกาสไปค้าแข้งที่เยอรมันกับ สตุ๊ดการ์ด 2 ซีซั่น และไปอยู่กับไมนซ์ 05 อีก 2 ซีซั่น ทำไป 27 ประตู จากการลงเล่น 65 เกม จนในที่สุดเมื่อปี 2015 โอกาซากิ ย้ายมาอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในฤดูกาลแรกเท่านั้น เขาก็กลายเป็นหนึ่งในแข้งชุดประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับทัพจิ้งจอกสยามทันที อีกทั้งยังเป็นตัวหลักของทีม ได้โอกาสลงสนาม 36 นัด จาก 38 เกม ทำไป 5 ประตู จนในฤดูกาล 2016/17 เขาก็ได้ลงเล่นน้อยลง และเป็นตัวสำรองซะมากกว่า ได้ลง 30 นัด ทำได้แค่ 3 ประตู ต่อมาในซีซั่น 2017/18 ลงสนาม 27 นัด ทำได้ 6 ประตู ปิดท้ายในซีซั่น 2018/19 ได้ลง 21 นัด ทำประตูไม่ได้เลย และก็หมดสัญญากับเลสเตอร์ในที่สุด ปัจจุบัน โอกาซากิ อายุ 34 ปี เล่นให้กับ อูเฮสก้า
ทาคุมิ มินามิโนะ กับ ลิเวอร์พูล
นับเป็นแข้งเลือดซามูไรรายล่าสุดที่ได้เหรียญพรีเมียร์ลีกมาครอง มินามิโนะ ในวัย 25 ปี เริ่มค้าแข้งกับ เซเรโซ่ โอซาก้า เป็นดูโอ้แนวรุกร่วมกับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน จากนั้นในปี 2015 ก็ย้ายไปเล่นกับ เร้ด บลูล์ ซัลซ์บวร์ก สโมสรดังลีกออสเตรีย และจากที่เขามีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม ลีกที่เล่นก็ถือว่าไม่โหดมาก ส่งผลให้มินามิโนะ ทำผลงานได้อย่างสุดยอดนับตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ออสเตรีย ยิงและจ่ายเตะ 2 หลักมาตลอด ฟอร์มในทีมชาติก็ยอดเยี่ยมสุดๆ 5 เกมหลังในฟุตบอลโลก 2020 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทำประตูได้ทุกนัด และในที่สุด ลิเวอร์พูล ภายใต้การกำกับของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คว้าแข้งเอเชียรายแรกไปร่วมทัพทันที กับหงส์แดง มินามิโนะ ได้โอกาสลงสนาม 9 นัดเท่านั้น ยังทำประตูไม่ได้ แต่ยังไงซะเขาก็นับว่าเป็นแข้งญี่ปุ่นรายที่ 3 ที่ได้รับเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง
ทั้งหมดก็คือ 3 นักเตะเลือดซามูไร ที่สร้างปากฏการณ์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้ ถายในปีแรกที่มาค้าแข้งยังลีกสูงสุดเมืองผู้ดี