ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย แน่นอนว่าทุกสโมสรมีแข้งพรสวรรค์สูงเป็นจอมทัพ เปรียบเสมือนหัวใจในเกมรุก โดยอาจคาบเกี่ยวระหว่างตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์และกองหน้า
1.โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ – ลิเวอร์พูล ยอดกองหน้าเทคนิคชั้นสูงชาวแซมบ้าในวัย 28 ปี กลายเป็นขวัญใจสาวกเดอะเร้ดภายในไม่กี่ซีซั่น ตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ ฟีร์มิโน่เปรียบเสมือนกองหน้าที่ชอบเล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์หรือสไตรเกอร์ก็ได้ ด้วยลีลาการเลี้ยงบอลขั้นเทพ บวกกับเซ็นต์การจ่ายบอลที่สุดยอด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะเห็นเขา ในจังหวะทำชิ่งก่อนเป็นประตูสวยๆหลายครั้ง ประตูที่ทั้งมาเน่และซาล่าห์ทำประตูได้จากความเร็วเป็นจุดเด่น แต่ถ้าหากไม่มีคนป้อนบอลให้อย่างฟีร์มิโน่ ทั้ง 2 ก็อาจผลิตสกอร์ไม่ได้มาก อย่างในทุกวันนี้ ฟีร์มิโน่ เปรียบเสมือนผู้ปิดทองหลังพระของทัพหงส์แดงอย่างแท้จริง
2.เนย์มาร์ – เปแอสเช มั่นใจว่าทุกคนรู้จักลีลาและฝีเท้าจอมพริ้วเลือดแซมบ้าวัย 27 ปีกันอยู่แล้ว เขาต้องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อความเป็นที่สุด ซึ่งตั้งแต่ย้ายมายังถิ่น ปาร์ค เดอ แปง เนย์มาร์ก็กลายเป็นเดอะแบกของทีมทันที 3 ซีซั่นกับ ปารีสฯในศึกลีกเอิง ลงสนาม 51 นัด ซัดไป 47 ประตู และผลงานในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 15 นัด ซัดไป 12 ประตู เนย์มาร์ กลายเป็นฝันร้ายของกองหลังคู่แข่ง ด้วยความพริ้ว ความเฉียบคม รวมถึงลูกคิลเลอร์พาส ก็ไหลให้เพื่อนยิงได้หลายต่อหลายครั้ง บางคนบอกว่าเอ็มบัปเป้ก็ทำได้ แต่ด้วยประสบการณ์ ความเก๋า ยังไงซะเนย์มาร์ก็คือจอมทัพของปารีสฯที่ขาดไม่ได้ แต่ติดตรงที่ว่าเนย์มาร์มักมีอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง ต้องรอลุ้นว่าจะหายทันช่วยเปแอสเชใน UCL ทันหรือไม่ ?
3.ชูเอา เฟลิกซ์ – แอตเลติโก มาดริด ดาวรุ่งฝอยทองวัย 20 ปี ค่าตัวแพงที่สุดสำหรับนักเตะวัยทีน ตั้งแต่ที่เขาย้ายจากเบนฟิก้า มาร่วมทัพตราหมี ก็ได้พิสูจน์ตัวเองได้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าเป็นเพลย์เกมเกอร์พรสวรรค์สูงโดยธรรมชาติ ลีลาการเลี้ยงบอลที่สุดยอด 1-1 หยุดเขาไม่อยู่แน่นอน หรือจังหวะเข้าทำประตูก็เด็ดขาด การจ่ายคิลเลอร์พาสสุดแม่นยำ คุณสมบัติทุกอย่างในตัวเฟลิกซ์ ล้วนไปอย่างธรรมชาติมานานแล้ว ทักษะที่เขามีสามารถเล่นได้กับทุกทีมบนโลก ต้องรอดูว่าในเวทีสูงสุดยุโรป จะโชว์ฟอร์มได้ดีขนาดไหน ?
4.เจดอน ซานโช่ – โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปีกความเร็วสูงทีมชาติอังกฤษในวัย 19 ปี ยกระดับฟอร์มการเล่น จนถึงระดับท็อปได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้สีเสื้อของทัพเสือเหลือง ที่ชอบให้โอกาสเหล่าดาวรุ่งได้มาโชว์เพลงแข้ง และซานโช่ ก็ตอบแทนความไว้วางใจให้กับดอร์ทมุนด์ได้ทันควัน ซีซั่นนี้เขากลายเป็นกำลังสำคัญ และอยู่ในช่วงฟอร์มพีค 18 นัด ซัดไป 12 ประตู กับ 12 แอสซิสต์ ในศึกบุนเดสลีก้า ด้วยความเร็ว ความคล่องตัว บวกกับความสามารถเฉพาะตัว ทำให้เขากลายเป็นปีกตัวเก่งที่ดอร์ทมุนด์จะขาดไปไม่ได้ซะแล้ว
5.ซน ฮึน มิน – ท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์ ดาวยิงโสมขาวที่มีร่างกายแข็งแกร่งและความขยันเป็นจุดเด่น ซน คือกำลังสำคัญในแนวรุกทัพไก่เดือยทองชนิด สารพัดประโยชน์ เพราะว่าเขาสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก จะเป็นหน้าเป้าหรือปีก ก็เล่นได้หมด ยิ่ง ณ ตอนนี้ แฮร์รี่ เคน กองหน้าคนเก่งเจ็บยาว ทำให้ซน ต้องรับหน้าที่ในตำแหน่งหน้าเป้า ซึ่งเขาก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ พละกำลังที่วิ่งได้ไม่มีหมดตลอด 90 นาที ทำให้แนวรับที่ต้องดวลกับเขา จะเผลอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งลูกเก่งของซน คือจังหวะเลี้ยงจี้ กระชาก โยกหลอกแล้วยิง และนั่นครับ อาจเป็นประตูได้ทุกนาที
6.เมสัน เม้าท์ – เชลซี ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษวัย 21 ปี กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดี หลังได้รับโอกาสให้เป็นตัวจริงของทัพสิงห์บลู ภายใต้การกำกับของแฟร้ง แลมพาร์ด จุดเด่นของเม้าท์ก็คือเป็นเพลย์เมกเกอร์มันสมอง ครองบอลเยี่ยม เล่นบอลฉลาด อ่านเกมได้ดี ฟรีคิก หรือ เตะมุมได้ลุ้นแน่นอน และมีจังหวะยิงไกลเป็นอาวุธลับ แม้ว่าประสบการณ์ในเวทียุโรปอาจจะมีน้อยมาก แต่จากฝีเท้าและฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ากลายเป็นกำลังสำคัญที่คอยเชื่อมเกมของเชลซี
7.เควิน เดอ บรอยน์ – แมนฯ ซิตี้ จอมทัพทีมชาติเบลเยี่ยมในวัย 28 ปี คือฟันเฟืองสำคัญในเกมรุกของทัพเรือใบสีฟ้า การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย การันตีได้ดี ที่สำคัญเขาเป็นตัวเชื่อมเกมในทุกจังหวะการบุก จุดเด่นของ เดอ บรอยน์ ก็คือ สามารถเล่นได้ทั้งกลางรุก ปีก หรือ มิดฟิลด์ตรงกลาง ลูกยิงไกลที่รุนแรง คิลเลอร์พาสสุดเฉียบ ซึ่งซีซั่นนี้เขาแอสซิสต์เยอะสุดในพรีเมียร์ลีก ที่ 15 ครั้ง อีกทั้งยังมีความฟิตวิ่งได้ไม่มีหมด จัดว่าครบเครื่องในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์แห่งยุคนี้ และเป็นกำลังสำคัญที่ซิตี้ ขาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
8.ลีโอเนล เมสซี่ – บาร์เซโลน่า กัปตันทัพอันซูกราน่าในวัย 32 ปี คือศูนย์กลางของทีมมานานแล้ว เขาเป็นเด็กลูกหม้อจากศูนย์ฝึกลามาเซีย และก้าวขึ้นมาเป็นเดอะแบกแทบทุกนัดที่อยู่ในสนาม จุดเด่นคือความคล่องตัว ความเฉียบคม คิลเลอร์พาส อีกทั้งลูกฟรีคิกก็แทบจะใส่สกอร์รอได้เลย ที่สำคัญมีไหวพริบขั้นเทพ มองเห็นเพื่อนร่วมทีมเหมือนมีตาทิพย์ ถ้าเพื่อนวิ่งหาช่องอยู่ในพิ้นที่ได้เปรียบเมื่อไหร่ ก็จะแอสซิสต์ไปให้ทันที อ่านเกมอยู่ตลอด ดีกรีบัลลงดอร์ 6 สมัย การันตี ว่าชายผู้นี้คือแข้งอันดับ 1 ที่เก่งที่สุดแห่งยุค และจากประสบการณ์ การรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่น ความน่ากลัวชองบาร์เซโลน่า ในศึก UCL ซีซั่นนี้ จึงขึ้นอยู่กับเมสซี่แน่นอน
9.คริสเตียโน่ โรนัลโด้ – ยูเวนตุส ดาวยิงเลือดฝอยทองในวัย 35 ปี ดีกรีบัลลงดอร์ 5 สมัย แม้ว่าจะอยู่ในช่วงบั้นปลายของอาชีพการค้าแข้ง แต่ฟอร์มยังดูสดกว่าเด็กหนุ่ม ความกระหายในการเล่น การทำประตูยังมีอยู่เปี่ยมล้นในตัวของเขา CR7 ทำประตูในเซเรีย อา 2019/20 ไปแล้ว 20 ประตู จาการลงเล่น 20 นัด ที่สำคัญยิงประตูต่อเนื่องมาแล้ว 10 เกมติด สถิติยังชี้ชัดว่าโรนัลโด้ คือจอมสังหารตัวจริง และกระหายในการทำประตูจนกว่าสิ้นเสียงนกหวีด จุดเด่นอยู่ที่ประสบการณ์ ลูกโหม่ง และความเฉียบคม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทัพม้าลาย คว้าตัวเขามาร่วมทีม เพื่อต้องการจะเป็นแชมป์ UCL ให้จงได้