หากลองย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ถ้าพูดชื่อ อิมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แฟนบอลที่ไม่ได้คลุกคลีกับทีมปืนใหญ่ คงจะสงสัยแล้วสบถออกมาว่า “ใครวะ” แต่หากพูดถึงปัจจุบันแล้วอดีตมือสามของทัพปืนใหญ่คือผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีทได้ 8 เกมจาก 13 เกมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ภาพที่กลายเป็นไวรัลช่วงหนึ่งของ มาร์ติเนซ
เรื่องราวของเขาที่ต้องผจญภัยลงเล่นในลีกระดับพระรองมาโดยตลอด ตกเป็นแค่ตัวเลือกอันดับที่ 3 ในตำแหน่งผู้รักษาประตูของทีม แต่ก็ยังอดทนก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนักเพื่อรอคอยโอกาสในการลงสนาม สร้างแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนที่ท้อแท้กับโอกาสในชีวิต ซึ่งต่อมาก็เหมือนฟ้าจะเป็นใจ จากเหตุการณ์ การแขวนถุงมือของผู้รักษาประตูประสบการณ์สูงอย่าง ปีเตอร์ เช็ค และอาการบาดเจ็บที่เข้ามาเล่นงาน แบร์ โลโน่ ทำให้เขาคว้าโอกาสสำคัญ ลงเฝ้าเสาให้กับอาร์เซน่อลในช่วงท้ายฤดูกาล ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองได้ในท้ายที่สุด ปิดฉากฤดูกาล 2019/20 ของทัพปืนใหญ่ได้อย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง และภาพที่เขาวีดีโอคอลโชว์เหรียญแชมป์เอเอคัพกับครอบครัวหลังพาทีมชนะในนัดชิง กลายเป็นไวรัลของโลกฟุตบอลช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
หลังจบฤดูกาล 2019/20 มีข่าวออกมามากมายตามหน้าสื่อว่า เจ้าตัวต้องการที่จะลงเล่นอย่างสม่ำเสมอให้กับทัพปืนใหญ่และยื่นคำขาดให้กับบอร์ดสโมสรถึงความต้องการของตนเอง แต่ทว่าทางกุนซืออย่าง มิเกล อาร์เตต้า ต้องการผลักดันให้ เลโน่ เป็นมือหนึ่งของทีมเนื่องจากอายุการใช้งานที่เยอะกว่ามาร์ติเนซ จึงเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกที่จะไม่อยู่กับทีมต่อ ก่อนที่จะเป็น แอสตันวิลล่า ที่ยื่นข้อเสนอมูลค่า 20 ล้านยูโร (ประมาณ) พร้อมการันตีตำแหน่งมือหนึ่งให้มาร์ติเนซ ทำให้เขาเลือกที่ย้ายซบทีมสิงห์ผงาด เพื่อโอกาสในการติดธงฟ้าขาวลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ
หลังการย้ายมาร่วมทีม เขาสร้างอิมแพ็คให้กับทีมได้ในทันที เมื่อนัดที่ลงประเดิมสนามให้กับทีมเจอกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวจัดการเซฟจุดโทษ จอห์น ลอนสตัม นาทีที่ 33 ของการแข่งขัน พร้อมกับพาทีมชนะ 1-0 เก็บคลีนชีทและเซฟช่วยทีมหลายต่อหลายครั้ง คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ไปครองหลังจบเกม
เปิดตัวได้อย่างสวยหรู เซฟจุดโทษและเก็บคลีนชีทได้ตั้งแต่นัดแรก
สวนทางกับทีมเก่าของเขาอย่าง อาร์เซน่อล ที่ออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกได้อย่างย่ำแย่ เมื่อต้องจมอยู่อันดับที่ 15 ลุ้นหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในฤดูกาลก่อน ถ้าอาร์เซน่อลไม่มีมาร์ติเนซ บางทีพวกเขาก็คงอาจจะไปไม่ถึงแชมป์เอฟเอคัพก็เป็นได้ เพราะถ้าว่ากันตามตรง ฟอร์มการป้องกันประตูของเขาในช่วงนั้น ก็ทำให้ทีมไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดมือหนึ่งของทีมไป แต่ทว่าในช่วงนั้น อาร์เซน่อล ประสบกับปัญหาค่าใช้จ่ายหลังวิกฤตโควิด-19 พวกเขามองว่าการขายผู้รักษาประตูมือสองวัยเข้าเลขสาม ได้เงินตั้ง 20 ล้านยูโร คงไม่ส่งผลกระทบกับทีม ซึ่งถือว่าวิน-วินกับทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนี้แฟนปืนใหญ่หลายคนคงได้แต่เสียดายผู้รักษาประตูอาร์เจนไตน์คนนี้ และก็เป็นการตบหน้าบอร์ดบริหารของอาร์เซน่อลที่เน้นทำกำไรจากการขายนักเตะคนสำคัญออกไป
แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่พวกเขาไม่มีความจำเป็นจะต้องมากระเสือกกระสนหนีตกชั้นแบบฤดูกาลก่อน นั่นก็ถือเป็นความสำเร็จขั้นแรกของทีมแล้ว ซึ่งเราก็เห็นกันเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วว่า พรีเมียร์ลีก มักจะมีทีมที่ขึ้นมาสร้างเซอร์ไพรส์ได้เสมอในทุกฤดูกาลที่ลงทำการแข่งขัน และเชื่อเหลือเกินว่า สิงห์ผงาด ทีมนี้จะเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงสำคัญในการทำอันดับลุ้นเข้าร่วมสังฆกรรม ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกส์ และ ยูโรปาลีก ในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน