Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555 |

UCL รายการฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด !!

ถ้าพูดถึงรายการฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในระดับสโมสร ยังไงก็ต้องยกให้กับรายการ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” เพราะเป็นการรวมเอาทีมที่ได้อันดับสูงสุดของแต่ละลีกมารวมกัน

โดยแบ่งโควต้าจำนวนทีมไปตามอันดับคะแนนลีกของทางยูฟ่า ตัวอย่างก็เช่น “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” “ลาลีก้า สเปน” “กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี” “บุนเดสลีกา เยอรมัน” 4 ลีกนี้จะได้โควต้า 4 ทีม เนื่องจากผลงานและมาตรฐานที่ทีมตัวแทนได้ทำไว้อย่างดี ส่วนลีกอื่นๆก็จะลดหลั่นกันไปตามผลงานที่ลงแข่งขันในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก

พวกรายละเอียดการแข่งขัน เราข้ามกันไปก่อน เพราะถ้ามาอธิบาย มันจะดูเยอะจนเกินไป เพราะเรื่องที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ คือนัดชิงชนะเลิศ ที่เรียกว่าได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษในทุกๆปี เพราะทีมที่ชนะเลิศจะได้รับการยกย่องว่าคือทีมที่ดีที่สุดในยุโรปในฤดูกาลนั้นเลยทีเดียว

เชื่อว่าแฟนบอลแทบทุกทีมพอใกล้เวลาจับฉลากไม่ว่าจะตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มหรือรอบน็อคเอาท์ เราจะต้องลุ้นให้ทีมที่เราเชียร์ จับไปชนกับคู่แข่งที่ไม่แกร่งมากนัก ซึ่งแน่นอนว่ามีกองเชียร์ก็ต้องมีกองแช่ง คิดดูเล่นๆ ขนาดยังไม่แข่งยังต้องมาตามลุ้นเลย แค่นี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า ศึก UCL มันได้รับความสนใจมากขนาดไหน

ซึ่งแน่นอนว่าในเมื่อรายการนี้มันเป็นการรวมพวกโคตรแชมป์ของแต่ละประเทศในยุโรปเอาไว้ บิ๊กแมตช์ มันก็ต้องเกิดขึ้นเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว บางครั้งตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มก็เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่วันนี้ เราจะคัดมาซัก 2 แมตช์ในนัดชิงชนะเลิศ ที่เรียกว่ายังไงแฟนบอลก็ต้องยอมรับว่ามันคือนัดที่สนุก และตื่นเต้นเร้าใจมากเป็นอันดับต้นๆแน่นอน

  1. แมนฯ ยูไนเต็ด VS บาเยิร์น (1998-1999)
    ก่อนแข่งมองจากรายชื่อ ฝั่งปีศาจแดงดูจะเสียเปรียบจากการขาดทั้ง “รอย คีน” และ “พอล สโคลส์” แล้วพอเริ่มเกมก็กลายเป็นเสือใต้ ที่ได้ประตูนำไปก่อนจากฟรีคิกของ “มาริโอ บาสเลอร์” ตั้งแต่นาทีที่ 6 หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมก็ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ แถมเป็นทางบาเยิร์นซะอีก ที่เกือบจะได้ประตูที่ 2 แต่ก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ทั้งชนเสา(เมห์เม็ต โชล) ชนคาน(คาร์สเท่น ยานเคอร์) รวมไปถึงการเซฟของ “ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล” เมื่อฝังไม่ได้ ฝันร้ายก็มาเยือนพี่เสือ เมื่อเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนยูได้ลูกเตะมุม “เดวิด เบ็คแฮม” โยนเข้ามา บาเยิร์นสกัดไม่ขาด “ไรอัน กิ๊กส์” ตวัดจังหวะเดียวหน้าเขตโทษ “เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม” ที่ลงมาเป็นตัวสำรองยิงตามน้ำเข้าไป ปลุกผีขึ้นมาจากหลุมได้สำเร็จ และเหมือนพระเจ้าเขียนบทไว้ให้ผีเป็นผู้ชนะ เมื่อ เบ็คแฮม โยนลูกเตะมุมเข้ามาอีกครั้ง เชอริงแฮม ได้โหม่งเช็ดไปเข้าทาง “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” จิ้มเข้าไปส่งแมนยูเป็นเจ้ายุโรปในฤดูกาลนั้น ทำให้แมนยูสร้างประวัติศาสตร์คว้า ทริปเปิ้ล แชมป์ ได้สำเร็จ

2. ลิเวอร์พูล VS เอซี มิลาน (2004-2005) เริ่มเกมส์ มาไม่ทันไร ปีศาจแดงดำ ออกนำอย่างรวดเร็วจากฟรีคิกที่ “อันเดรีย ปีร์โล่” โยนเข้ามาและเป็น “เปาโล มัลดินี่” กัปตันทีมวอลเล่ย์เข้าไปตั้งแต่นาทีแรกของการแข่งขัน จากนั้นเป็น “อังเดร เชฟเชนโก้” ปาดให้ “เฮอร์นัน เครสโป” ยิงเข้าไปโล่งๆส่งมิลานนำไป 2-0 และลูกที่แทบจะเรียกว่าส่งหงส์แดงลงหลุมก็มาถึง “ริคาร์โด้ กาก้า” พลิกบอลการสนามและแทงทะลุช่องให้ เครสโป เข้าไปยิงลูกที่ 2 ของตัวเอง ทำให้สกอรกลายเป็น 3-0 และจบครึ่งแรกไปในสกอร์นั้น ทำให้มีการแซวกันว่า มีแฟนบอลปิดทีวีนอนไปแล้ว ซึ่งพวกเขาไปทราบเลย ว่าได้พลาดการร่วมเป็นสักขีพยานของการโกงความตายที่จัดได้ว่าเป็นอันดับต้นๆของโลกฟุตบอลได้เลย แน่นอน ถ้าจะเป็นใครที่ดึงหงส์แดงขึ้นมาจากหลุม ก็ต้องเป็น “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” โหม่งลูกเปิดจาก “ยอร์น อาเน่ รีเซ่” ไล่ขึ้นมา 1 ประตู จากนั้นเป็น “วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์” ยิงไกลไล่มา 2-3 แล้วก็มาถึงจังหวะสำคัญ สตีวี่จี ถูก “เจนนาโร่ กัตตูโซ่” ทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น “ชาบี้ อลอนโซ๋” ยิงจุดโทษไปติดเซฟ “ดีด้า” ก่อนตามซ้ำเข้าไปให้หงส์แดงตีเสมอเป็น 3-3 (มีการเปิดเผยว่า เจอร์ราร์ด ไม่กล้ายิงจุดโทษเอง) จากนั้นก็อย่างที่ทุกคนพอจำกันได้ เกมลากไปจนถึงการยิงจุดโทษ และเป็น เชฟเชนโก้ ที่ยิงได้ไม่ดีพอทำให้ “เจอร์ซี่ ดูเด็ค” เซฟไว้ได้สำเร็จ ทำให้ลิเวอร์พูล กลายเป็นเจ้ายุโรปในฤดูกาลนั้น