“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่อง หลังจากถล่มวัตฟอร์ด 5-0 ในพรีเมียร์ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาก็บุกไปเอาชนะแอตฯมาดริด 3-2 ประตู
ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกนัดล่าสุดออกไปพ่ายเลสเตอร์ ซิตี้ 2-4 ประตู ที่คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม และในเกมแชมเปียนส์ลีก กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดนอตาลันต้ายิงนำ 2-0 ก่อนจะแซงเอาชนะไป 3-2
ในขณะที่ทีมหนึ่งแกร่งทั่วแผ่นและยังไม่แพ้ใครเลย ส่วนอีกทีมฟอร์มแกว่งไปแกว่งมา ไม่คงเส้นคงวา แต่ต้องมาเจอกันในสุดสัปดาห์นี้น่าสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เกม “แดงเดือด” จะมีขึ้นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค.นี้ โดยแมนฯยูจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของลิเวอร์พูล
และจะเป็นครั้งแรกในการดวลกันของ 2 สุดยอดดาวยิงในพรีเมียร์ลีก นั่นคือ โม ซาลาห์ ของ “หงส์แดง” และคริสเตียโน โรนัลโด้ ของแมนฯยู
เป็นศึกแดงเดือดที่ชวนระทึกใจอย่างยิ่ง
ขุมกำลังของทั้งสองทีม
“ผีแดง” สภาพทีมดูจะไม่สมบูรณ์นัก ราฟาเอล วาราน มีอาการบาดเจ็บทำให้สองเกมล่าสุดแนวรับของทีมแกว่งเหลือเกิน นอกจากนั้นแล้วอองโธนี มาร์กซิยาล ก็สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ และพอล ป็อกบา ที่เป็นเพียงตัวสำรองในเกมแชมเปียนส์ลีกจะกลับมามีชื่อลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดนี้หรือไม่
ส่วนทีมเยือนสภาพทีมดูจะไม่มีอะไรให้ต้องกังวล อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ ที่ไม่ได้ลงเล่นในเกมกับวัตฟอร์ดจะกลับคืนสู่ทีมในเกมนี้ ดิโอโก้ โชต้า ก็สมบูรณ์พร้อม แต่ ติอาโก อัลคันทารา และ เคอร์ติส โจนส์ ยังไม่ฟิต
สถิติน่ารู้เกมแดงเดือด
1.ในสิบเกมล่าสุดที่เจอกันในพรีเมียร์ลีกปรากฏว่าแมนฯยูเอาชนะได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (เสมอ 6 แพ้ 3) ครั้งล่าสุดที่เจอกัน “ผีแดง” พ่าย 2-4 ประตู
2.หลังจากเอาชนะ 4-2 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลต้องการทำสถิติชนะติดต่อกันที่บ้านของแมนฯยู ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2002
3.ลิเวอร์พูลทำสถิติไม่แพ้แมนฯยูในลีกในการเจอ 25 นัดล่าสุด (ชนะ 18 เสมอ 7) โดยความพ่ายแพ้ครั้งสุดท้ายคือออกไปพ่าย 1-2 เมื่อเดือนม.ค.2018 ซึ่งหากไม่แพ้ในเกมนี้ได้จะทำให้ “หงส์แดง” ทำสถิติไม่แพ้แมนฯยูยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลลีก
4.แมนฯยูทำคลีนชีตไม่ได้เลยในการเล่น 9 เกมล่าสุดในการเล่นในบ้าน และสถิติยาวนานที่สุดที่ไม่สามารถทำคลีนชีตได้เลยคือ 10 นัดในช่วงระหว่างเดือนก.ย.1970 ถึงเดือนก.พ.1971 และใน 7 นัดล่าสุดในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในเกมลีกพวกเขาเก็บได้เพียง 8 คะแนนเท่านั้น (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 3)
5.ลิเวอร์พูลไม่แพ้ในลีกมาแล้ว 18 นัด ซึ่งถือว่าเป็นสถิติสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของวงการฟุตบอลอังกฤษ (ชนะ 13 เสมอ 5) และเกมเยือนในฤดูกาลนี้ 4 นัด “หงส์แดง” ยิงได้ 3 ประตูทุกนัด
6.เวย์น รูนีย์ เป็นผู้เล่นคนเดียวของแมนฯยูที่ยิงประตูลิเวอร์พูลได้ถึง 6 ประตูในลีก รองลงไปคือมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยิงไป 4 ประตูจากการลงเล่นแดงเดือด 8 เกม
7.โม ซาลาห์ ของลิเวอร์พูลทำ 3 ประตูในการบุกเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดย 2 ประตูคือในเกมเอฟเอ คัพ ส่วนอีกประตูคือพรีเมียร์ลีก และยังไม่เคยมีผู้เล่นคนไหนของลิเวอร์พูลที่บุกไปทำประตูแมนฯยูได้ถึง 3 นัดติดต่อกัน
8.โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน ทำ 10 ประตูล่าสุดในลีกให้ลิเวอร์พูลซึ่งเป็นการเล่นนอกบ้านทั้งสิ้น เป็นรองเพียงแค่ไรอัน กิกส์ (13 ประตูระหว่างปี 2001-2003),แฮร์รี เคน (13 ประตูในปี 2017) และ โอเล กุนนาร์ โซลชา (11 ประตูในปี 2002)
9.ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ บรูโน เฟอร์นานเดส มีโอกาสยิง 26 ครั้งและสร้างโอกาสให้ทีมได้มากกว่า 31 ครั้ง ถือว่าเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมต่อเกมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก และมีอยู่ 9 ครั้งที่สร้างโอกาสทำประตูให้กับเมสัน กรีนวู้ด