หากจะพูดถึงโลกหนังจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าตำแหน่งกองหลัง ก็คงจะถูกมองข้ามเพราะว่าไม่ใช่ตำแหน่งที่โฟกัสจากแฟนบอล เพราะส่วนมากตำแหน่งที่โดดเด่นก็คงจะเป็นกองกลาง และตำแหน่งกองหน้าที่ถูกจับตามองจากแฟนบอล แต่สำหรับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ เขาคือหนึ่งในกองหลังที่คว้ารางวัลบัลลงดอร์ ที่ในโลกลูกหนังมีเพียงแค่นักเตะ 3 รายเท่านั้น และสิ่งที่โดดเด่นและเหนือกว่ากกองหลังรายอื่น ๆ สำหรับ คันนาวาโร่ นั่นก็คือเจ้าตัวเป็นกองหลังที่มีรูปร่างเล็ก และมีส่วนสูงเพียงแค่ 175 เซนติเมตร และยังกวาดรางวัลพร้อมกับมีดีกรีนักเตะแชมป์โลกกับทีมชาติอิตาลี แต่แน่นอนว่า ก่อนที่ คันนาวาโร่ จะประสบความสำเร็จความสวยหรูบนเส้นทางลูกหนังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
คันนาวาโร่ ก็เหมือนเด็กหนุ่มอิตาลีทั่วไปที่ชื่นชอบฟุตบอล และแน่นอนว่า คันนาวาโร่ ได้รับโอกาสเข้าสู่สโมสร นาโปลีในฐานะนักเตะเยาวชน และ คันนาวาโร่ เริ่มต้นจากการเล่นตำแหน่ง “กองกลาง” จนกระทั่ง นาโปลี เรียกขึ้นไปซ้อมทีมชุดใหญ่ในปี 1992 และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการยืนตำแหน่ง “กองหลัง” และในปีเดียวกัน คันนาวาโร่ ได้ซ้อมกลับ มาราโดน่า ที่เป็นไอดอลในโลกฟุตบอลของเขา ซึ่ง 1 ท่อนในบทสัมภาษณ์ของ คันนาวาโร่ ที่เจ้าตัวบอกว่ากว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะกองหลังรูปร่างเล็ก เขาไม่ต้องใช้อะไรมากนอกจาก “ความมั่นใจในสนามเท่านั้นกับการยืนตำแหน่งกองหลัง” และหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ คันนาวาโร่ รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีที่สุดในตำแหน่งนี้คือ มาราโดน่า ไม่สามารถที่จะเลี้ยงบอลผ่านเขาได้ในช่วงของการซ้อมทีมชุดใหญ่กับ นาโปลี
และด้วยส่วนสูงเพียงแค่ 175 เซนติเมตร และยืนในตำแหน่งกองหลัง แน่นอนว่า คันนาวาโร่ ประสบความสำเร็จกับตำแหน่งที่เจ้าตัวยืนนับตั้งแต่ที่ก้าวขึ้นสู่อาชีพฟุตบอล ซึ่ง คันนาวาโร่ เริ่มเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ นาโปลี จากปี 1992 ถึงปี 1995 ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้กับ ปาร์มา ในปี 1995 ถึง 2002 และย้ายมาอยู่ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2002 ถึง 2004 ก่อนที่จะย้ายมาสวมเครื่องแบบให้กับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ในปี 2004 ถึง 2006 และในปีแรกที่ย้ายมาสวมเครื่องแบบให้กับ ยูเวนตุส คันนาวาโร่ ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ในปีนั้นเป็นปีแรก “แต่ก็น่าเสียดายที่ถูกยึดถ้วยแชมป์คืน เพราะ ยูเว่ ถูกจับได้ว่าโกงผลการแข่งขัน และถูกปรับตกชั้นและถูกยึดแชมป์กลับคืน”
และ คันนาวาโร่ จึงย้ายมาสวมเครื่องแบบให้กับ เรอัล มาดริด ในปี 2006 ถึงปี 2009 และ 2 ปีแรก กันนาวาโร่ ก็คว้าแชมป์ลีก ลาลีกา สเปน อย่างเป็นทางการกับ เรอัล มาดริด และใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี ที่ ซานดิอาโก เบอร์นาเบว ก่อนที่จะย้ายไปแขวนสตั๊ด กับ ฮัลอะฮ์ลี 1 ปี ลีกประเทศ ยูเออี ก่อนที่ คันนาวาโร่ จะตัดสินใจแขวนสตั๊ดด้วยอาการบาดเจ็บ
และสำหรับปรัชญาของ คันนาวาโร่ กัปตันทีมชาติอิตาลี ชุดแชมป์โลกในปี 2006 และเจ้าของบัลลงดอร์ในปี 2006 ก็ไม่มีอะไรมากกับรูปแบบการเล่นฟุตบอล ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้นำเรื่องของส่วนสูง หรือว่าเรื่องของจุดกำเนิดที่ไม่ได้สวยหรู พร้อมกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างค้าแข้งไม่ว่าจะถูกแฟนบอลของทีมชาติตัวเองต่อต้าน เพราะว่าอยู่สโมสร ยูเวนตุส ที่เกิดเหตุการณ์จากการโกง ซึ่ง คันนาวาโร่ ใช้ปรัชญาเพียงแค่อย่างเดียวนั่นก็คือ “ความมั่นใจ” และจุดเริ่มต้นก็เริ่มจากการขึ้นซ้อมกับนาโปลี ชุดใหญ่ในปี 1992 ที่เจ้าตัวสกัดบอล “มาราโดน่า” ก่อนที่จะได้รับคำชมจากตำนานลูกหนังฟุตบอลที่เสียชีวิตไปแล้ว