Tel. 0800-555-555 | 0900-555-555 |

เจาะลึกใครจะคว้ารางวัล Golden Boot

จนถึงขณะนี้ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปได้ทีมแชมป์ลีกไปแล้ว 3 คือ Bundesliga แชมป์ได้แก่ Bayern Munich Ligue 1 คือ Paris Saint-Germain และ LaLiga คือ  Real Madrid

เหลือเพียง Premier League และ Serie A ที่ต้องวัดกันนัดต่อนัด

ฤดูกาล 2021-22 เป็นฤดูกาลที่มีการยิงประตูกันอย่างถล่มทลายกันแทบทุกลีก ดาวยิงสุดเก๋าอย่าง Karim Benzema และRobert Lewandowski ทำผลงานได้อย่างน่าทึ่งเหมือนเคย

แต่ก็มีดาวยิงคนอื่นที่อาจจะมาแรงในโค้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน

คำถามก็คือใครกันจะเป็นผู้คว้ารางวัล Golden Boot หรือรางวัลดาวยิงสูงสุดของยุโรปไปครอง ลองมาไล่เรียงกันดู

Bundesliga

ในศึกบอลลีกเยอรมนีฤดูกาลนี้ “เสือใต้” คว้าแชมป์ Bundesliga ไปครองเป็นสมัยที่ 10 ติดต่อกัน และ Robert Lewandowski จบผลงานด้วยการยิงไปได้ 34 ประตู และอาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่กองหน้าทีมชาติโปแลนด์อยู่กับ Bayern Munich ต่อไปก็เป็นได้

โอกาสที่ Lewandowski จะคว้า “รองเท้าทองคำ” ไปครองบอกได้ว่าสดใสเหลือเกิน เขายิงได้ 34 ประตู ทิ้งห่างจาก Patrik Schick กองหน้าทีมชาติเชกของ Bayer Leverkusen 10 ประตู และอันดับ 3 คือ Erling Haaland ของ Dortmund ที่เตรียมย้ายไปอยู่กับ Man City ในฤดูกาลหน้า โดยดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ยิงได้ 21 ประตู

กองหน้าวัย 33 ของ “เสือใต้” จึงไม่เพียงมีลุ้นดาวซัลโวสูงสุดของยุโรปเท่านั้น ยังจะมีลุ้นรางวัล Ballon d’Or ด้วยอีกต่างหาก

La Liga

แม้การแข่งขันยังไม่ปิดฤดูกาล แต่ Real Madrid คว้าแชมป์ไปครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ศูนย์หน้าตัวเป้าของทีมอย่าง Karim Benzema ลงเล่นในลีกไปแล้ว 30 นัด ยิงได้ 26 ประตู นอกจากนี้ลงเล่นใน Champions League ไปแล้ว 11 นัด ยิงได้ 15 ประตู และพาทีม “ราชันชุดขาว” เข้าชิงชนะเลิศเจอกับ Liverpool กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 34 จึงเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Lewandowski ในการลุ้นทั้ง Golden Boot และ Ballon d’Or

สำหรับรองดาวซัลโวของลีกสเปนก็คือ Lago Aspas กองหน้าของ Celta Vigo ที่ยิงไปได้ทั้งหมด 17 ประตู และอันดับ 3 คือ Enes Unal ของ Getafe ยิงได้ 15 ประตู

Ligue 1

ฟุตบอลลีกของฝรั่งเศสก็เป็นไปตามความคาดหมายด้วยเช่นกัน เมื่อ Paris Saint-Germain คว้าแชมป์ไปครอง และดาวซัลโวสูงสุดก็คือ Kylian Mbappe ที่ยังไม่แน่ว่าจะอยู่กับ PSG ต่อไปในฤดูกาลหน้าหรือจะย้ายไปอยู่กับ “ราชันชุดขาว”

Mbappe ลงเล่นไป 32 นัดยิงได้ 24 ประตู แถมยังทำอีก 16 แอสซิสต์นับว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง แถมใน Champions League ยิงได้อีก 6 ประตู ในขณะที่อันดับสองคือ Martin Terrier ของ Rennes และ Wissam Ben Yedder ของ Monaco ทำได้ 21 ประตูเท่ากัน

Premier League

การขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ระหว่าง Liverpool กับ ManChester City คาดว่าอาจจะต้องไปลุ้นกันในนัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่ความเป็นดาวซัลโวสูงสุดต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งของ Mohamed Salah เพราะกองหน้าวัย 29 ลงเล่นไป 34 นัดยิงไปแล้ว 22 ประตู หากแต่ก็ยังไม่มากที่สุดเทียบเท่ากับที่เขาเคยยิงได้ 32 ประตูในฤดูกาล 2017-18 ซึ่งทำให้เป็นดาวซัลโวสูงสุด

เกมการเตะยังไม่จบลง เพราะฉะนั้นสถานการณ์สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา อันดับ 2 ที่ยิงประตูไล่ตามมาคือ Son Heung-Min กองหน้าเลือดโสมของ Spurs ซึ่งยิงได้ 20 ประตู แถมเป็นการทำประตูโดยไม่มีการยิงจุดโทษแม้แต่ลูกเดียว ต้องถือว่าดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ไปได้ไกลมากในลีกยุโรป ถือว่าเป็นผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสไปแล้วก็ได้

ส่วนอันดับ 3 ก็ไม่ใช่ใคร Cristiano Ronaldo ที่แม้ว่า Man Utd จะมีฟอร์มกระท่อนกระแท่น แต่ศูนย์หน้าวัย 37 ก็ยังยิงได้ถึง 18 ประตูในลีก

Serie A

ศึกฟุตบอลลีกของอิตาลีก็ยังหาทีมแชมป์ไปครองไม่ได้ แต่สำหรับตำแหน่งดาวซัลโวคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดยังคงเป็น Ciro Immobile หัวหอกวัย 32 ของ Lazio หัวหอกร่างใหญ่ลงเล่นใน Serie A 31 นัด ยิงได้ 27 ประตู 3 แอสซิสต์ เป็นหัวหอกจอมเก๋าอีกคนที่รักษามาตรฐาน และหากรวมทุกรายการลงเล่น 40 นัด ยิงได้ 32 ประตู

ส่วนอันดับ 2 เป็นของ Dusan Vlahovic ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ Juventus เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยหากรวมผลงานช่วงที่เล่นให้ Fiorentina ด้วยคือ 23 ประตู และอันดับ 3 คือ Lautaro Martinez หัวหอกทีมชาติอาร์เจนตินาของ Inter Milan ที่ยิงไปแล้ว 19 ประตู