ถ้าหากจะเอ่ยถึงแบ็กขวาที่มีความสามารถครบเครื่องสักคน และมีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ชื่อของ มาร์กอส คาฟู กัปตันทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก 2002 จะถูกนึกถึงเป็นชื่อต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะเขาคือตัวแทนของความสม่ำเสมอ และมืออาชีพคนหนึ่งในวงการ
คาฟู สร้างชื่อเสียงจากการค้าแข้งในลีกบ้านเกิดกับสโมสร เซา เปาโล เมืองหลวงของประเทศบราซิล เมื่อปี 1988 ก่อนย้ายไปเรอัล ซาราโกซา ในสเปน เมื่อปี 1995 แบบยืมตัว แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ต้องย้ายกลับบราซิลในปี 1997 ก่อนที่ อาแอส โรม่า ยอดทีมดังแห่งกรุงโรมของ อิตาลี จะยื่นข้อเสนอกว่า 7.5 ล้านยูโร ให้กับพัลไมรัส ในปี 1997 เพื่อดึงตัวแบ็กขวาจอมเบสิคคนนี้ร่วมทัพ
เขารับจองสัปทานตำแหน่งแบ็กขวาตัวจริงให้กับทัพ “หมาป่า” ยาวนานถึง 6 ปี พร้อมสถิติลงเล่น 217 เกม พร้อมทำ 8 ประตู กับอีก 17 แอสซิสต์ ช่วยให้ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรียอาได้ 1 สมัย (เป็นสมัยแรกและสมัยเดียวที่ฟรานเชสโก้ ต็อตติ เคยได้รับ พร้อมทั้งได้ อิตาเลียน คัพ อีก 1 สมัย
ความสำเร็จดังกล่าว ทำให้คาฟู ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมต่อจากคาลอส ดุงก้า ยอดกองกลางทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลกปี 1994 ทันที เขามีอิทธิพลอย่างมากในแคมป์ของทีมชาติ ซุปเปอร์สตาร์ในแคมป์ทีมชาติเซเลเซาอย่าง โรนัลโด้, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, เอเมอร์สัน, คาลอส, ลูซิโอ้, เซ โรแบร์โต้ ต่างเคารพเขาในฐานะผู้นำทีมทั้งนั้น
มาร์กอส คาฟู นำทัพแซมบ้าไล่ล่าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ที่แผนดินเอเชีย บราซิล ชุดนั้นไม่ถือว่าเป็นทีมเต็ง หากเทียบกับอิตาลี หรือฝรั่งเศสแชมปป์เก่า แต่ด้วยแผนการเล่นที่ลงตัว ทำให้บราซิลหักปากกาเซียนเข้าไปชิงชนะเลิศกับเยอรมันที่เต็มไปด้วยสตาร์ดังมากมาย และคว้าชัยในนัดชิง 2 – 0 ในที่สุด ซึ่ง คาฟู ก็เป็นคนเดินไปรับถ้วยเพื่อชูถ้วยแชมป์โลกต่อหน้าแฟนบอลทั่วทั้งโลก
ด้วยความสำเร็จที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ปี 2003 คาฟู หมดสัญญากับ โรม่า และทั้งสองฝ่ายก็จากกันด้วยดี เขาได้รับการจับตามองจากหลายทีมดังในยุโรป โดยเฉพาะ เรอัล มาดริด ที่เวลานั้นกำลังสร้าง “กาลาติกอส” ยุคแรกขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่า คาฟู ก็เป็นนักเตะในอุดมคติของการก่อกำเนิดทีมซุปเปอร์สตาร์ด้วยเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลทางด้านครอบครัว ที่พวกเขายังไม่พร้อมที่จะย้ายถิ่นฐานออกจากอิตาลี ทำให้ คาฟู ตอบรับข้อเสนอจากยักษ์ใหญ่อย่าง เอซี มิลาน ภายใต้การนำทัพของ คาโล อันเชล็อตติ ทันที
มาร์กอส คาฟู ประสบควาสำเร็จอย่างสูงภายในถิ่น ซานซิโร เขาผนึกกำลังร่วมกับ เปาโล มัลดินี่, อเลสซานโร เนสต้า และ ยาป สตัมป์ ในการสร้างแผงหลังที่แข็งแกร่งที่สุด และนั่นทำให้ตลอดระยะเวลา 5 ปี เขาช่วยให้ เอซี มิลาน คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก ได้ 1 สมัย กัลโช่ เซเรียอา 1 สมัย อิตาเลียน ซุปเปอร์ คัพ 1 สมัย และ ซุปเปอร์ วินเนอร์สคัพ อีก 2 สมัย
มาร์กอส คาฟู หมดสัญญากับ มิลาน ในปี 2008 และเขาก็ย้ายมาเล่นในอังกฤษกับทีมเล็ก ๆ อย่าง การ์ฟอร์ด ทาวน์ ในระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะรีไทน์ในวัย 38 ปี เมื่อปี 2009