หากจะพูดถึงนักเตะระดับตำนานที่มีฝีเท้าระดับพระกาฬ และคว้ารางวัลต่าง ๆ มามากมาย โดยเฉพาะผู้เล่นในตำแหน่งห้องเครื่อง ก็คงต้องยกให้กับ มิเชล พลาตินี่ นี่ห้องเครื่องสายเลือดน้ำหอม ที่ต้องบอกได้เลยว่าทักษะการเล่นทักษะการทำประตู หรือแม้กระทั่งภาวะการเป็นผู้นำต้องยกให้กับผู้ชายคนนี้ ที่ถูกแฟนบอลและผู้สันทัดกรณีในวงการลูกหนังยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการทำประตูในทุก ๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หัว หรือว่ายิงลูกฟรีคิก รวมถึงตำแหน่งประจำการในแดนกลางว่า คือนักเตะที่จ่ายบอลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล พร้อมกับตลอดอาชีพการค้าแข้งที่ มิเชล พลาตินี่ ไม่เคยถูกใบแดงไล่ออกจากสนามแม้แต่ครั้งเดียว นี่คือการแสดงวุฒิภาวะผู้นำที่แท้จริง
มิเชล พลาตินี่ คือผู้เล่นกองกลางที่ถือได้ว่าเป็นนักเตะระดับตำนานที่ชอบจบสกอร์ และยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเช่นเดียวกัน มิเชล พลาตินี่ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในช่วงที่เจ้าตัวอายุ 19 ปี เริ่มต้นสโมสรอาชีพในปี 1974 กับสโมสร น็องซี สามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 ฝรั่งเศส และคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยฝรั่งเศสมาครอบครอง จนกระทั่งในปี 1979 ได้ย้ายไปอยู่กับ แซงต์ เอเตียน แต่ชื่อของ พลาตินี่ ก็จารึกให้กับสโมสร น็องซี ไว้ถึง 127 ประตู กับการเล่นตลอดระยะเวลา 5 ปี
และในช่วงที่พักที่นี่อยู่กับ แซงต์ เอเตียน ในปี 1980 ถึงปี 1983 เจ้าตัวก็คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ฝรั่งเศส กับ แซงต์ เอเตียน เช่นเดียวกัน และสามารถยิงไปได้ถึง 82 ประตูก่อนที่ “ม้าลาย” ยูเวนตุสยอดทีมแห่งแดนมักกะโรนี จะคว้าตัวห้องเครื่องสายเลือดน้ำหอมออกไปทัวร์เวทียุโรป
และแน่นอนว่าหลังจากที่ย้ายสวมเครื่องแบบให้กับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ความสำเร็จของ พลาตินี่ ก็ทยอยเข้ามา ซึ่งเจ้าตัวเป็นดาวซัลโว เซเรีย อา ถึง 3 สมัย และสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ พลาตินี่ เล่นในตำแหน่งกองกลาง ส่วนแชมป์ต่าง ๆ ก็พา ยูเวนตุส คว้าแชมป์ กัลโช่ ซีเรีย อา 2 สมัย โคปา อิตาเลีย 1 สมัย แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ และแชมป์อินเตอร์ คอนติเนนทัล ในปี 1985 แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ และแชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ วินเนอร์ ในปี 1984 และตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมทัพกับ “ม้าลาย” ยูเวนตุส จากการลงสนาม 222 เกม พลาตินี่ ก็ส่งชื่อขึ้นสู่สกอร์บอร์ดถึง 103 ประตู และถ้าหากจะพูดถึงในตำแหน่งของ พลาตินี่ ที่ยืนอยู่เขาเล่นในตำแหน่งกองกลาง แต่สามารถยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และ พลาตินี่ ก็เป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ถึง 3 สมัย และยิงให้ทีมชาติฝรั่งเศสอีก 41 ประตู และอยู่ในชุดครองแชมป์ฟุตบอลยูโรปี 1984 และถ้าหากจะพูดถึงในยุครุ่งเรืองขอ งมิเชล พลาตินี่ แน่นอนว่าห้องเครื่องตัวรุกที่เล่นในรูปแบบอเนกประสงค์ เล่นบอลง่าย สง่างาม จ่ายบอลอย่างฉลาด และจบสกอร์อย่างเฉียบคม พร้อมกับพลิกแพลงสถานการณ์อย่างฉับไว จึงทำให้ มิเชล พลาตินี่ ถูกผู้สันทัดกรณีในยุคนั้นยกย่องให้เป็นนักเตะที่จ่ายบอลดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล และเป็นผู้เล่นกองกลางที่ครบเครื่อง หรือที่เรียกว่านักเตะอเนกประสงค์ก็ว่าได้ กับความโดดเด่นที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง