Arsenal คงผิดหวังพอสมควรกับผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมาที่ไม่สามารถจบอันดับท็อปโฟร์ได้ จนชวดโควต้าไปเตะ Champions League
เพราะอย่างนั้น “ปืนโต” กลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่จัดหนัก จัดเต็ม ในการคว้าตัวผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทีมเป็นกระตั้ก ไล่มาตั้งแต่ Matt Turner ผู้รักษาประตูทีมชาติสหรัฐ และ Marquinhos ปีกชาวแซมบ้า และ Fábio Vieira มิดฟิลด์เชิงรุกชาวโปรตุเกส
แต่ตำแหน่งไหนก็ไม่สำคัญก็คือในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ยอดทีมจากลอนดอนมองหาดาวยิงโป้งปิดบัญชีมานานนักหนาแล้ว
และนักเตะที่ Mikel Arteta เลือกแล้วก็คือ Gabriel Jesus กองหน้าทีมชาติบราซิล
โดย Arsenal ยอมจ่ายเงินค่าตัว 45 ล้านปอนด์มาจาก Manchester City โดยจะมาเป็นความหวังใหม่ของทีมแทนที่ Alexandre Lacazette
Arteta ชื่นชมฝีเท้าของ Jesus มาตั้งแต่ยังทำหน้าที่ช่วยงาน Pep Guardiola และดูเหมือนจะเล็งศักยภาพที่ซ่อนเร้นของเขาซึ่งยังไม่เคยได้แสดงความยอดเยี่ยมออกมาอย่างเต็มที่
ในฤดูกาลที่ผ่านมา ดาวยิงแซมบ้าลงเล่นในพรีเมียร์ลีกรวม 1,878 นาที โดย 864 นาทีลงเล่นเป็นปีกขวา และอีก 891 นาที เล่นอยู่ในแดนกลาง และยิงได้ 8 ประตูกับ 9 แอสซิสต์ และ 4 ประตูที่ยิงได้เกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะ Watford 5-1 ประตู
สรุปก็คือแทบไม่ได้รับโอกาสยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าซึ่งเป็นตำแหน่งตัวเองถนัดเลยแม้แต่น้อย
แฟนบอล “ปืนโต” ก็ไม่ได้อยากเห็น Jesus ย้ายมาเพื่อเป็นจอมแอสซิสต์ เพราะในทีมมี Bukayo Saka ที่มีสถิติยิง 11 ประตูกับ 7 แอสซิสต์อยู่แล้ว
ดาวยิงวัย 25 ย้ายมาอยู่กับ Arsenal และได้สวมเสื้อเบอร์ 9 ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าเขาถูกคาดหวังว่าจะทำอะไรได้บ้างในการย้ายมาครั้งนี้
ในอดีตผู้เล่นสวมเสื้อเบอร์ 9 หลายคนสร้างชื่ออย่างมากในการทำประตูให้ทีม ถ้านับถอยหลังไปนานหน่อยก็คือ Paul Merson ที่รับใช้ทีมมายาวนาน 12 ปีมีสถิติยิงได้ถึง 86 ประตู
Nicolas Anelka กองหน้าชาวฝรั่งเศสลงเล่น 87 นัดยิงได้ 27 ประตู
Alexandre Lacazette ที่เคยสวมเสื้อเบอร์ 9 ให้ “ปืนโต” ก็ยิงให้ทีมได้ 71 ประตู
หรือ Lukas Podolski อดีตกองหน้าทีมชาติเยอรมันก็มีผลงานยิงได้ 31 ประตูตลอดระยะเวลาค้าแข้งให้ทีม
สำหรับ Gabriel Jesus นับตั้งแต่ลงเล่นให้ “เรือใบสีฟ้า” มาตั้งแต่ปี 2017 เขามีผลงานยิงประตูในลีกทั้งหมดได้ 58 ประตู และทั้งหมดได้มาจากการยิงในกรอบเขตโทษทั้งสิ้น และทำสถิติยิงประตูในลีกในกรอบเขตโทษได้มากกว่าที่ Tim Cahill ทำไว้ที่ 56 ประตู
ถ้าจะบอกว่าเขาคือ “หมาป่าล่าประตูในกรอบเขตโทษ” ที่ดีที่สุดก็ว่าได้เหมือนกัน
แต่จุดเด่นอีกอย่างก็คือสถิติการทำแอสซิสต์ในลีกอยู่ที่ 32 แอสซิสต์ จนทำให้ดูเหมือนว่าเขาถูกเลือกใช้งานในตำแหน่งมิดฟิลด์หรือปีกด้วย
เมื่อ Manchester City ได้ทั้ง Erling Haaland และ Julian Alvarez สองกองหน้าเข้ามาร่วมทีม การปล่อยดาวยิงแซมบ้าให้ Arsenal ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกับทุกฝ่ายก็ได้ Jesus จะได้เล่นกองหน้าที่เขาปรารถนา ส่วน “เรือใบสีฟ้า” ก็ได้เงินค่าตัวที่เหมาะสม
“พวกเรารู้สึกดีใจมากที่ได้ Gabriel Jesus ย้ายมาร่วมทีมด้วย เพราะติดตามการเล่นของเขามานานแล้ว เขาเพิ่งอายุ 25 และเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติบราซิล เรามั่นใจในตัวเขามาก” Edu ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ Arsenal กล่าว
แต่สำหรับ Jesus คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาย้ายมาเล่นในถิ่น Emirates Stadium คืออดีตเจ้าของเสื้อเบอร์ 14 ในตำนานอย่าง Thierry Henry และหวังว่าการย้ายทีมครั้งนี้จะทำให้เขาค้นพบเส้นทางของตัวเอง และอาจเป็นขวัญใจของแฟนบอลเหมือนอย่างที่อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสได้ทำผลงานเอาไว้ก็เป็นได้
โปรดติดตามผลงานของนักเตะเจ้าของเสื้อหมายเลข 9 คนใหม่ของ “ปืนโต” ว่าจะโชว์ฟอร์มเปรี้ยงได้แค่ไหน