ฤดูกาล 2021-22 Manchester City ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อีกสมัย หากแต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ Champions League มาครองได้สำเร็จ
ตำแหน่ง “King Of Europe” จึงน่าจะตกเป็นของ RealMadrid มากกว่า
“ราชันชุดขาว” ภายใต้การคุมทีมของ Carlo Ancelotti ได้ทั้งแชมป์ La Liga และแชมป์ Uefa Champions League เป็นดับเบิลแชมป์อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้ทำท่าจะตกรอบทั้งในการเจอกับ Chelsea,Man City แต่ก็สามารถพลิกเกมแซงเอาชนะเข้ารอบชิงชนะเลิศมาได้
ถึงนัดชิงชนะเลิศก็ยังโดน Liverpool พับบุกใส่แทบจะข้างเดียว แต่เพียงโอกาสโต้กลับเพียงครั้งเดียว Vinícius Júnior กองหน้าทีมชาติบราซิลวัย 21 ก็ทำประตูชัยให้กับทีมได้
Real Madrid ได้ครองแชมป์เจ้ายุโรปมากที่สุดรวม 14 สมัย ทิ้งห่างอันดับ 2 คือ AC Milan ถึง 7 ครั้ง
หัวใจสำคัญของ “ราชันชุดขาว” ชุดนี้ต้องยกให้กับแผงห้องเครื่องอันประกอบด้วย Luka Modric, Toni Kroos และ Casemiro
ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ “ราชันชุดขาว” ได้แชมป์ Uefa Champions League รวม 3 สมัยติดต่อกันในช่วงระหว่างปี 2016-2018 และในปี 2018 Luka Modric คว้ารางวัลบัลลงดอร์หยุดยั้งความยิ่งใหญ่แบบผูกขาดของ Cristiano Ronaldo และ Lionel Messi ลงได้
อย่างไรก็ตาม Luka Modric, Toni Kroos และ Casemiro ตอนนี้มีอายุรวมกันได้ 98 ปีแล้ว คงจะยืนระยะสร้างผลงานยอดเยี่ยมไปได้อีกไม่นานนัก
และ Carlo Ancelotti ก็ได้วางแผนสร้างทีมอย่างยั่งยืนไว้บ้างแล้ว
นอกเหนือไปจาก Vinícius Júnior แล้ว ในทีมก็ยังมีผู้เล่นพลังหนุ่มที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมคือ Eduardo Camavinga มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสวัย 19 ที่คว้าตัวมาจากทีม Rennes เมื่อปี 2021 โดยมีค่าตัว 55 ล้านยูโร และในฤดูกาลที่เพิ่งจบไป Camavinga ได้ลงเล่นในลีก 26 นัด ยิงได้ 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ และได้ลงเล่นใน Champions League อีก 10 นัด
Camavinga มีคุณสมบัติพิเศษคือเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางคุมจังหวะหรือเป็นตัวตัดเกมก็ได้
อีกคนที่พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็คือ Fede Valverde มิดฟิลด์ทีมชาติอุรุกวัย กองกลางวัย 23 ย้ายมาร่วมทีมเมื่อกลางปี 2018 คุณสมบัติพิเศษของเขาก็คือเล่นได้หลากหลายตำแหน่งเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกหรือขยับไปทำเกมริมเส้นก็ได้ และฤดูกาลนี้ก็ลงเล่นใน La Liga ไปแล้ว 31 นัด
และอีกคนที่จะเข้ามาเติมเต็มแผงห้องเครื่อง และอาจกลายเป็นสามประสานยุคต่อไปของ “ราชันชุดขาว” ก็คือ Aurelien Tchouameni
RealMadrid สามารถตัดหน้าทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายทีมเพื่อคว้ามิดฟิลด์วัย 22 รายนี้มาร่วมทีม โดยในฤดูกาลที่เพิ่งจบลง Tchouameni ลงเล่นในลีกเอิงรวมทั้งหมด 35 นัด ยิงได้ 3 ประตู 2 แอสซิสต์ และจะเป็นหนึ่งในนักเตะของ “ตราไก่” ที่ไปโชว์ฝีเท้าในเวิลด์ คัพ 2022 ที่กาตาร์อย่างแน่นอน
มิดฟิลด์คนใหม่ของ “ราชันชุดขาว” เป็นตัวตัดเกมที่แข็งแกร่ง ครองบอลได้ดี และจ่ายบอลอย่างชาญฉลาด ดูเหมือนว่า Ancelotti อาจจะกลายเป็นตัวแทนของ Casemiro ในอนาคตอันใกล้นี้
“ผมตั้งใจให้เราวางระบบเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน เราควรให้ความสำคัญกับการพัฒนานักเตะเยาวชนให้มากขึ้นกว่านี้ และเมื่อผมมาถึงสโมสรแห่งนี้เรามีผู้เล่นอย่าง Valverde, Rodrygo,Camavinga และเราต้องเสริมส่งพวกเขาเหล่านี้”
กุนซือชาวอิตาเลียนบอกว่า Vinícius Júnior เป็นกองหน้าที่มีศักยภาพ แต่ตอนแรกดูเหมือนจะเล่นอย่างไม่มั่นใจเท่าใดนัก แต่ตอนนี้สามารถพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในการหาจังหวะทำประตู และตอนนี้ก็อยากให้ Rodrygo, Camavinga และ Valverde ทำได้ดีเช่นกัน
สำหรับ Tchouameni คือนักเตะที่เป็นความหวังใหม่ของกุนซือชาวอิตาเลียน เขาชอบผู้เล่นมิดฟิลด์ที่เล่นได้ครบเครื่อง และดาวเตะวัย 22 ก็มีความหลากหลายในการเล่น คุณสมบัติบางอย่างก็คล้ายกับ Paul Pogba และความดุดันก็คล้ายกับ N’Golo Kanté
แนวทางการสร้างทีมของ “ราชันชุดขาว” จึงดูเหมือนว่าจะไม่ผูกติดกับระบบดาราซูเปอร์สตาร์ แต่เน้นสร้างความเป็นปึกแผ่นของทีม
และแน่นอนว่าเริ่มมองเห็นทายาทลูกหนังของ Luka Modric, Toni Kroos และ Casemiro กันแล้ว